แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เข้าไปในอาณาเขตต์บ้านเขาแล้วขึ้นไปบนเฉลียงชั้นล่างของตึก และเอาชะแลงงัดประตูอยู่ราว 5 นาที แต่บานประตูไม่เปิด พอดีตำรวจมาจับกุม จำเลยจึงหนีไปดังนี้ ต้องมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ซึ่งต้องลงอาญาฐานพยายามลักทรัพย์อันเป็นบทหนัก
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 คน ๆ ละ 4 ปี เพิ่มโทษจำเลย 2 คนกึ่งหนึ่งเป็นโทษ 6 ปี ดังนี้ จำเลยที่มิได้ถูกเพิ่มโทษฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยเข้าไปในอาณาเขตต์บ้าน พ.แล้วขึ้นไปบนเฉลียงชั้นล่างของตึกเอาชะแรงงัดประตูอยู่สัก ๕ นาทีบานประตูไม่เปิด ตำรวจที่มาซุ่มอยู่จึงออกก้าวสะกัดจับจำเลย นายเจริงและนายเจือจำเลยได้เงื้อมีดและไม้จะทำร้ายตำรวจ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๔ คนฐานพยายามลักทรัพย์ตามกฎหมายอาญา ม.๒๙๕,๖๐ จำคุก คนละ ๔ ปี และจำคุกนายเจริงและนายเจือจำเลยตาม ม.๒๕๔,๖๐ อีกคนละ ๔ เดือน เพิ่มโทษนายเจริงและนายจำลองฐานไม่เข็ดหลาบอีกรวมโทษนายเจริง ๖ ปี ๕ เดือน ๑๐ วัน นายจำลอง ๖ ปี นายเจือ ๔ ปี ๔ เดือน นายเชี้ยง ๔ ปี
จำเลยทั้ง ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าสำหรับนายเจือและนายเชี้ยงนั้นฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้ ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.๒๑๘ สำหรับฎีกานายเจริงและนายจำลองนั้นสำหรับข้อเท็จจริงคงฟังตามศาลล่างทั้ง ๒ ส่วนข้อกฎหมายเห็นว่ากิริยาการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์และพยายามลักทรัพย์ด้วย จึงต้องลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์อันเป็นบทหนัก จึงพิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลยยืนตามศาลอุทธรณ์