คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาโจทย์ อุทธรณคำพิพากษาศาล อุทธรณข้าหลวงพิเศษ

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินตำบลบางพลับ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง โดยกล่าวว่าที่รายนี้เปนของนายสอนบิดาโจทย์จำเลย นายสอนได้ทำพินัยกรรมยกให้แก่โจทย์ บัดนี้นายสอนตายแล้ว จำเลยทำความรำคานต่าง ๆ โจทย์ไม่พอใจให้จำเลยอยู่ในที่รายนี้ต่อไป ฯ
จำเลยให้การต่อสู้ว่าพินัยกรรมที่โจทย์อ้างใช้ไม่ได้ตามกฎหมายจำเลยมีส่วนเปนเจ้าของปกครองอยู่ในที่รายนี้ โจทย์ไม่มีอำนาจขับไล่ ฯ
ศาลจังหวัดอ่างทองพิจารณาเห็นว่า ที่รายนี้นายสอนผู้เปนเจ้าของได้ทำพินัยกรรมให้โจทย์โดยถูกต้อง พินัยกรรมที่โจทย์อ้างฟังได้ตามกฎหมาย จึงพิพากษาให้ขับไล่จำเลย แลให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมและค่าทนาย ๒๕ บาทแทนโจทย์ ฯ
จำเลยอุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่าพินัยกรรมของนายสอนที่โจทย์อ้างยังไม่ควรฟังเปนหลักฐานตามกฎหมาย จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลเดิม แลยกฟ้องของโจทย์เสีย ให้โจทย์เสียค่าธรรมเนียมกับค่าทนาย ๓๕ บาทแทนจำเลย ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแลประชุมปฤกษาเห็นว่าคดีนี้มีปัญหาที่เถียงกันอยู่ข้อเดียวว่า พินัยกรรมของนายสอนที่โจทย์อ้างฟังได้ตามกฎหมายฤาไม่ ข้อที่จำเลยยกขึ้นคัดค้านพินัยกรรมนั้น คือ ว่าเวลาทำพินัยกรรมนายสอนเปนคนชรามีอายุราว ๘๐ ปี แลมีอาการหลงไหล จำเลยนำพยานสืบรวม ๆ ว่าระหว่างเดือนที่นายสอนทำพินัยกรรม นายสอนหลงแลสติไม่ดี แต่พยานจำเลยทุกคนก็รับว่าบางเวลานายสอนก็มีสติดี แลพยานจำเลยไม่มีสักปากเดียวที่อ้างว่าในขณะเวลาทำพินัยกรรมนายสอนไม่มีสติ ส่วนโจทย์ได้นำสืบพยานที่เปนผู้นั่งพินัยกรรมอันรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านแลพระสงฆ์รวม ๔ ปากเบิกความโดยแน่นอนว่า เวลาทำพินัยกรรมนายสอนมีสติดีนอกจากนี้ยังมีนายเปลื้องพยานซึ่งเปนบุตรนายสอน เปนน้องโจทย์จำเลย แลเปนผู้ไม่ได้ส่วนตามพินัยกรรมของนายสอนเหมือนกัน นายเปลื้องเบิกความสมโจทย์ว่า เวลาทำพินัยกรรมนายสอนมีสติดีคำพยานโจทย์จำเลยดังนี้ กรรมการศาลฎีกาเห็นว่าคดีฟังได้โดยไม่มีสงสัย ว่าในขณะทำพินัยกรรมนายสอนมีสติดีไม่หลงไหลดังจำเลยอ้าง ความจริงพยานทั้งสองฝ่ายไม่ได้ขัดกันเลย ไม่จำเปนต้องยกเหตุผลอื่นอันไม่เกี่ยวแก่ประเด็นโดยตรงมาเปนข้อวินิจฉัยให้ยืดยาวที่ศาลจังหวัดอ่างทองพิพากษาคดีฟังตามพินัยกรรมของนายสอน แลให้ขับไล่จำเลยตามฟ้องโจทย์นั้นชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว จึงพร้อมกันพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเสีย แลพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลจังหวัดอ่างทอง ให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมกับค่าทนายทั้ง ๓ ศาลเปนเงิน ๑๐๐ บาท แทนโจทย์ ฯ
วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

Share