แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวง พ.ศ. 2517 บัญญัติให้ศาลแขวงชลบุรีมีเขตอำนาจครอบคลุมท้องที่อำเภอบ้านบึงจึงมีเขตอำนาจรวมถึงกิ่งอำเภอหนองใหญ่ซึ่งเป็นท้องที่ส่วนหนึ่งของอำเภอบ้านบึงในขณะนั้น แม้ต่อมาจะมีพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอหนองใหญ่ ฯลฯ พ.ศ. 2524 ให้ตั้งกิ่งอำเภอหนองใหญ่เป็นอำเภอหนองใหญ่ก็ตาม แต่พระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอหนองใหญ่ ฯลฯ พ.ศ.2524 มิได้บัญญัติไว้ว่าบรรดาคดีของท้องที่กิ่งอำเภอหนองใหญ่ที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลแขวงชลบุรีก่อนตั้งอำเภอหนองใหญ่จะให้อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลใดอำเภอหนองใหญ่จึงยังคงอยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงชลบุรีดังเดิม
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าเขตอำนาจของศาลแขวงชลบุรีไม่คลุมถึงอำเภอหนองใหญ่ ให้ศาลจังหวัดชลบุรีประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาและศาลจังหวัดชลบุรีได้สั่งประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาและพิพากษาคดีไปแล้ว ดังนี้ ถือได้ว่าศาลจังหวัดชลบุรีใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14 (2) แล้วศาลฎีกาจึงไม่อาจพิพากษาให้ไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๑๐, ๑๒, ๑๕ ริบขอบกลางและให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
ศาลจังหวัดชลบุรีตรวจฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าอำเภอหนองใหญ่ยังอยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงชลบุรี จึงไม่รับประทับฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเมื่อยกฐานะกิ่งอำเภอหนองใหญ่เป็นอำเภอหนองใหญ่ไม่ขึ้นอยู่กับอำเภอบ้านบึงแล้ว เขตอำนาจของศาลแขวงชลบุรีย่อมไม่คลุมถึงอำเภอหนองใหญ่อีกต่อไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษากลับ ให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้
ศาลจังหวัดชลบุรีสั่งประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ปรับ ๖๐๐ บาท ริบของกลาง ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยฎีกาว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงชลบุรี ขอให้พิพากษากลับไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวง พ.ศ. ๒๕๑๗ บัญญัติให้ศาลแขวงชลบุรี ซึ่งเดิมมีเขตอำนาจในอำเภอเมืองชลบุรี มีเขตอำนาจถึงอำเภอบ้านบึงด้วย ขณะนั้นอำเภอบ้านบึงแบ่งท้องที่ส่วนหนึ่งเป็นกิ่งอำเภอหนองใหญ่ แม้ต่อมาจะมีพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอหนองใหญ่ ฯลฯ พ.ศ. ๒๕๒๔ ให้ตั้งกิ่งอำเภอหนองใหญ่เป็นอำเภอหนองใหญ่ก็ปรากฏเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้แต่เพียงว่าสมควรยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอ เพื่อประโยชน์แก่การปกครองและความสะดวกของประชาชน หาใช่เพื่อเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงชลบุรีแต่อย่างใดไม่ หากพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอหนองใหญ่ ฯลฯ พ.ศ. ๒๔๒๔ ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงชลบุรีมิให้มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอหนองใหญ่อีกต่อไปก็จะต้องบัญญัติไว้ด้วยว่า บรรดาคดีของท้องที่กิ่งอำเภอหนองใหญ่ที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลแขวงชลบุรีก่อนตั้งอำเภอหนองใหญ่จะให้อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลใด เมื่อมิได้บัญญัติไว้ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าไม่ประสงค์จะให้มีผลกระทบกระเทือนถึงเขตอำนาจศาลแขวงชลบุรีซึ่งมีอยู่เดิม อำเภอหนองใหญ่ยังคงอยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงชลบุรีดังเดิม แต่อย่างไรก็ดี หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้แล้ว ศาลจังหวัดชลบุรีได้สั่งประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาและพิพากษาคดีไปทันทีโดยไม่รอคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ถือได้ว่าศาลจังหวัดชลบุรีได้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๑๔ (๒) แล้ว ศาลฎีกาจึงไม่อาจพิพากษาให้ไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาได้ดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายกฎีกาจำเลย