คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2016/2517

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากจำเลยหนังสือสัญญามีข้อความว่า จำเลยจะสร้างบ้านให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาในสัญญาด้วย แต่จำเลยไม่สร้างให้เสร็จตามสัญญา จำเลยให้การต่อสู้ว่าข้อความในหนังสือสัญญาที่ว่าจำเลยจะสร้างบ้านให้เสร็จตามที่โจทก์ฟ้องนั้นเป็นข้อความปลอม โจทก์จึงขอให้ศาลเรียกสัญญาเช่าซื้อคู่ฉบับจากจำเลย ศาลมีคำสั่งเรียกเอกสารดังกล่าวจำเลยทราบคำสั่งแล้วไม่ส่งเอกสารภายในกำหนดที่ศาลสั่ง ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยได้ยอมรับว่าข้อความในเอกสารมีอยู่ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา123

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อที่ดิน กับจำเลยที่ 1ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้เริ่มก่อการและตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 ในขณะที่จำเลยที่ 1 ยังมิได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด โดยได้ชำระเงินให้จำเลยในวันทำสัญญาจำนวน 10,000 บาท ตามสัญญาดังกล่าวจำเลยทั้งสองต้องสร้างบ้านให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2514 และให้โจทก์ผู้เช่าซื้อเข้าอาศัยอยู่ได้ทันที ต่อมาจำเลยผิดสัญญาไม่สร้างบ้านให้เสร็จตามสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินที่ได้ชำระไปแล้วคืนจำเลยทั้งสองไม่ชำระ จึงขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 10,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 ลงชื่อในสัญญาท้ายฟ้องในฐานะทำการแทนจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ข้อความในสัญญาที่ว่าผู้ให้เช่าซื้อจะสร้างบ้านแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2514 เป็นข้อความปลอม ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คืนเงิน 10,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 30 มีนาคม 2515 จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในปัญหาเกี่ยวกับข้อความในสัญญาเช่าซื้อที่มีเพิ่มเติมจากแบบพิมพ์ว่า จำเลยที่ 1 รับจะสร้างบ้านให้แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2514 เป็นข้อความปลอมหรือไม่นั้น ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอให้ศาลเรียกสัญญาเช่าซื้อคู่ฉบับกับสัญญาหมาย จ.1ที่โจทก์อ้างจากจำเลย ศาลได้มีคำสั่งเรียกเอกสารดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 ให้นำส่งศาลก่อนวันที่ 21 มิถุนายน 2515 จำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งนี้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2515 แต่มิได้ดำเนินการประการใดจนได้มีการเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ไปในวันที่ 6 กรกฏาคม 2515 ทนายโจทก์แถลงขอให้ศาลสอบจำเลยในเรื่องไม่ส่งเอกสาร ทนายจำเลยจึงแถลงว่าสัญญาดังกล่าวมีอยู่ที่จำเลยจริง แต่ยังค้นหาไม่พบ ดังนี้ เห็นว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องภายในกำหนดมาแต่แรกแล้ว กรณีย่อมต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์จะนำสืบโดยเอกสารคือข้อความในเอกสารนั้น จำเลยได้ยอมรับแล้วว่ามีอยู่ตามคู่ฉบับที่โจทก์ส่งศาลจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 123 ฉะนั้นเมื่อสัญญาเช่าซื้อมีข้อความเพิ่มเติมตั้งแต่วันทำสัญญา และอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดมา โจทก์จะนำมาปลอมได้อย่างไร ทั้งข้อความที่เพิ่มเติมนั้นก็มีใจความต่อเนื่องกับสัญญาข้อ 4ตามแบบพิมพ์ ดังนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ชัดเจนว่าข้อความเพิ่มเติมในสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย จ.1 มิใช่ข้อความปลอม โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงผูกพันตามข้อความที่เพิ่มเติมโดยถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาด้วย และไม่จำเป็นที่คู่สัญญาจะต้องลงชื่อกำกับไว้อีกดังที่จำเลยอ้าง ที่ศาลชั้นต้นห้ามจำเลยมิให้ถามค้านพยานในประเด็นเกี่ยวกับสัญญาปลอมจึงเป็นการชอบแล้ว การต่อสู้คดีของจำเลยมีลักษณะในทางประวิงคดี ไม่มีเหตุสมควรที่จะให้ดำเนินการสืบพยานจำเลยต่อไปใหม่ตามฎีกาของจำเลย” ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา

พิพากษายืน

Share