แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยยืนยันจะให้ผู้เสียหายทั้งสี่ชำระเงินค่าชมการแสดงโดยพูดว่าถ้าไม่ชำระจะไม่ยอมให้ออกจากบาร์และสั่งคนปิดประตูบาร์กับเรียกพนักงานชายประมาณ 5-6 คน มายืนคุมเชิงรอบโต๊ะข้างหลังผู้เสียหายทั้งสี่ แล้วจำเลยพูดว่าจะชำระหรือไม่ ถ้าไม่ชำระมีเรื่องแน่ ถือเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสี่ให้ยอมให้เจ้าของบาร์ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้เสียหายทั้งสี่แล้ว แม้การกระทำนั้นจะสืบเนื่องมาจากการทวงค่าชมการแสดงที่ผู้เสียหายทั้งสี่ได้รับการบริการไปแล้ว แต่จำเลยก็ไม่มีอำนาจบังคับให้ผู้เสียหายทั้งสี่ชำระเงินโดยการขู่เข็ญด้วยวิธีดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ข่มขืนใจนางสาวองุ่นกับพวกผู้เสียหายทั้งสี่ให้ยอมให้เงินจำนวน 800 บาท แก่จำเลยกับพวก โดยจำเลยขู่เข็ญว่าจะไม่ยอมให้ผู้เสียหายออกจากบาร์บิลเลี่ยนเกิรล์และจะทำอันตรายต่อร่างกายของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเกรงกลัวยอมมอบเงินจำนวน 800 บาท แก่จำเลยกับพวก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337, 83 ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 800 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 วรรคแรก, 83 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย2 ปี 8 เดือน ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 800 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง จำคุก 6 เดือน และปรับ 2,000บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี คำขออื่นให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุผู้เสียหายทั้งสี่เข้าไปเที่ยวในบาร์บิลเลี่ยนเกิรล์ซึ่งมีการแสดงให้ชมและได้สั่งเครื่องดื่มรวม 4 แก้ว ต่อมาจำเลยซึ่งเป็นพนักงานเก็บเงินของบาร์ได้นำใบเสร็จรับเงินมาเรียกเก็บเงินจำนวน 1,000 บาท เป็นค่าเครื่องดื่ม 200 บาท ค่าชมการแสดง800 บาท ตามอัตราที่ถูกต้องของบาร์ ผู้เสียหายทั้งสี่ไม่ชำระเพราะได้รับคำบอกเล่าจากผู้ชักชวนเข้าไปเที่ยวว่าไม่ต้องชำระจำเลยไม่ยอมและพูดว่าถ้าไม่ชำระจะไม่ยอมให้ออกจากบาร์และสั่งคนปิดประตูบาร์กับเรียกพนักงานชาย 5-6 คน มายืนคุมเชิงรอบโต๊ะข้างหลังผู้เสียหายทั้งสี่ แล้วจำเลยพูดว่าจะชำระหรือไม่ ถ้าไม่ชำระมีเรื่องแน่ ผู้เสียหายทั้งสี่กลัวถูกทำร้ายจึงยอมชำระเงิน1,000 บาท ให้จำเลย คงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกรรโชกหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยยืนยันจะให้ผู้เสียหายทั้งสี่ชำระค่าชมการแสดงโดยพูดว่าถ้าไม่ชำระจะไม่ยอมให้ออกจากบาร์และสั่งคนปิดประตูบาร์ กับเรียกพนักงานชายประมาณ5-6 คน มายืนคุมเชิงรอบโต๊ะข้างหลังผู้เสียหายทั้งสี่ แล้วจำเลยพูดว่าจะชำระหรือไม่ ถ้าไม่ชำระมีเรื่องแน่ ถือได้ว่าเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งสี่ให้ยอมให้เจ้าของบาร์ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้เสียหายทั้งสี่ จนผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งถูกข่มขืนใจยอมให้เงินค่าชมการแสดง แม้ว่าการกระทำของจำเลยจะสืบเนื่องมาจากการทวงถามค่าชมการแสดงที่ผู้เสียหายทั้งสี่ได้รับการบริการไปแล้วก็ตาม แต่จำเลยทั้งสี่ก็ไม่มีอำนาจบังคับให้ผู้เสียหายทั้งสี่ชำระเงินโดยไม่ชอบด้วยการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อผู้เสียหายทั้งสี่เช่นนั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานกรรโชก
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น