แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือ ต่อมาผู้ทรงคนหนึ่งได้สลักหลังเช็คฉบับนี้มาชกำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อครบกำหนดวันที่ลงในเช็ค โจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่าย ดังนี้ จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็คธนาคารเอเซียทรัพสต์ จำกัด สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จำนวนเงิน 100,000 บาท ลงวันที่ 24 เมษายน2517 สั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือ ต่อมานายมาโนชผู้ทรงคนหนึ่งได้สลักหลังเช็คฉบับนี้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อครบกำหนดวันที่ลงในเช็ค โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาถนนตะนาว เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารเอเซียทรัสต์ จำกัด สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ปฏิเสธการจ่ายเงินว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย โดยจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค หรือออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้หรือออกเช็คให้ใช้เงินจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งรับประทับฟ้อง แล้วพิจารณาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ลงโทษจำคุก 11 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเชื่อว่า จำเลยจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้าชำระหนี้ให้ไว้ ดังนั้น เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดจ่ายเงินแล้ว เมื่อผู้ทรงนำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ จำเลยผู้สั่งจ่ายก็ต้องมีความผิด
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น