คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2010/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขอแก้ฟ้องฉะเพาะวันเวลากระทำผิดภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้ว แต่ก่อนสืบพะยานนั้น ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ และสำเนาคำร้องขอแก้ฟ้อง ส่งให้ทนายจำเลยรับแทนได้.
คดีที่จำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ เมื่อภายหลังโจทก์ขอแก้ฟ้องวันกระทำผิด ซึ่งจำเลยทราบแล้วมิได้ขอให้การใหม่ ทั้งจำเลยยังอ้างตัวเองเบิกความต่อสู้ตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่ ดังนี้ ถือว่าจำเลยให้การต่อสู้คดี และทำการสืบตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่เต็มภูมิแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๑ จำเลยได้สมคบกันลักกระบือ ๑ ตัวไป หรือมิฉะนั้นในระหว่างวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๑ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๔๙๑ จำเลยได้สมคบกันรับของโจรกระบือนั้นจำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่และสู้กรรมสิทธิกระบือของกลางภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้ว ก่อนวันสืบพะยานโจทก์ ๆ ได้ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง คำว่า วันที่ ๑๗ ทั้ง ๒ แห่งเป็นวันที่ ๗ ศาลอนุญาตให้แก้ จำเลยคัดค้านว่ายื่นคำให้การสู้คดีแล้ว อาจเสียเปรียบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกันว่า ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ พิพากษาให้จำคุกคนละ ๒ ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๔
จำเลยทั้ง ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การแก้วันเวลากระทำผิด เป็นการแก้รายละเอียดตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘(๕) ซึ่งมาตรา ๑๖๔ อนุญาตให้แก้ได้ มิให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบและไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ เพราะโจทก์ได้ร้องขอให้แก้ตั้งแต่ก่อนมีการสืบพะยาน ส่วนข้อที่ว่าจะต้องส่งสำเนาให้จำเลย และให้จำเลยให้การแก้คดีใหม่หรือไม่นั้น ปรากฎว่า ทนายจำเลยได้ลงชื่อรับสำเนาคำร้องขอแก้ฟ้อง รุ่งขึ้นจำเลยก็คัดค้านหาได้ขอแก้คำให้การไม่ เพราะคำให้การของจำเลยดังกล่าวใช้ได้ผลตลอดไปถึงคำฟ้องที่ขอแก้ใหม่ และจำเลยได้อ้างตัวเองเบิกความถึงฐานที่อยู่ตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่นั้นเอง ถือว่าจำเลยให้การต่อสู้คดีและนำสืบตามวันที่โจทก์ขอแก้ใหม่เต็มภูมิแล้ว
พิพากษายืน.

Share