แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะสั่งเพิกถอนแก้ไขหรือออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินหรือเพิกถอนแก้ไขเอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหรือเอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา61ได้นั้นต้องเป็นกรณีที่เป็นการออกโฉนดคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไข ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่2867โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382ส. กับพวกรวม4คนยื่นคำคัดค้านศาลชั้นต้นจึงดำเนินคดีอย่างคดีอันมีข้อพิพาทและในคดีดังกล่าวศาลฎีกาวินิจฉัยมีใจความว่าค. กับพวกได้เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่2867เป็นการชั่วคราวและถือวิสาสะไม่ใช่เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของค. กับพวกผู้ครอบครองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้และเป็นผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนพิพากษาให้ยกคำร้องขอดังนี้ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และส. กับพวกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคหนึ่งเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าวแล้วว่าโฉนดที่ดินออกโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่2867โดยการครอบครองดังนี้โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้มีสิทธิหรือประโยชน์ได้เสียในที่ดินโฉนดเลขที่2867และไม่อาจมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแก่โจทก์เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ในที่ดินโฉนดเลขที่2867ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา61และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่81ตามฟ้องและโฉนดที่ดินเลขที่2867ซึ่งออกตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี 2533 โจทก์รับโอนการครอบครองที่ดินมือเปล่า 8 แปลง เนื้อที่ 7 ไร่ 19 ตารางวา จากนายคำ มโนสมุทร กับพวก ซึ่งได้ครอบครองติดต่อกันมากว่า 40 ปีต่อมาเดือนกรกฎาคม 2533 โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดที่ดินดังกล่าวเพื่อออกโฉนดที่ดิน ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูนไม่ยอมลงชื่อในโฉนดที่ดินให้โจทก์โดยอ้างว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 ของนายสุเจตน์ ชินวัตร์ กับพวก ความจริงมีอยู่ว่า เมื่อวันที่14 พฤศจิกายน 2505 นายอำเภอเมืองลำพูนออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 81 ให้แก่นายเพียงใช้ แซ่นิ้มซึ่งไม่ได้ครอบครองที่ดินและถึงแก่ความตายไปแล้ว อันตกเป็นโมฆะนายรักษ์ นิมากร รับโอนที่ดินดังกล่าวทางมรดกแล้วโอนขายสินค้าตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับดังกล่าวให้นายสุเจตน์กับพวกวันที่ 14 สิงหาคม 2512 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูนออกโฉนดที่ดินเลขที่ 2867 ให้แก่นายสุเจตน์กับพวกโดยไม่มีอำนาจขอให้บังคับจำเลยทั้งสองมีคำสั่งให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 2867 และหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 81 โดยให้จำเลยทั้งสองสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูนจดทะเบียนเพิกถอนโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวจากสารบบที่ดิน หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงินเท่ากับอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 97,600 บาท อันเป็นราคาประเมินตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะเพิกถอนโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์จากสารบบที่ดิน
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 มีฐานะเป็นกรมในรัฐบาลมิได้เป็นอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีอำนาจสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 โจทก์ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในที่ดินนี้ เพราะโจทก์เคยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวซึ่งนายสุเจตน์กับพวกคัดค้าน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่านายคำกับพวกเข้าครอบครองที่พิพาทเป็นการชั่วคราวและถือวิสาสะไม่ใช่เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ ผู้ร้อง (โจทก์ในคดีนี้) เป็นผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ ให้ยกคำร้องปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 509/2534 ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 81 และโฉนดที่ดินเลขที่ 2867 ออกก่อนโจทก์จะเข้าสวมสิทธิจึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ สิทธิของโจทก์ไม่ถูกโต้แย้ง ทั้งโจทก์ไม่มีความจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาล เหตุที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 81ออกในนามนายเพียงใช้ เพราะนายเพียงใช้เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดิน เมื่อนายเพียงใช้ตายและนายรักษ์ขอรับมรดกที่ดินตาม ส.ค.1 พร้อมขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต้องมีการประกาศหาผู้คัดค้านและทำการไต่สวนให้ได้ความว่านายรักษ์มีสิทธิรับมรดก เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้วการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต้องออกในนามของนายเพียงใช้แล้วแจ้งว่านายรักษ์รับโอนทางมรดก ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการสำหรับการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 2867ก็ปฏิบัติทำนองเดียวกัน การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 81 และโฉนดที่ดินเลขที่ 2867 ชอบด้วยกฎหมายไม่มีเหตุที่จำเลยทั้งสองจะต้องสั่งเพิกถอนตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องและคำให้การแล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ให้งดชี้สองสถานแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิฟ้องหรือประโยชน์ได้เสียในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 ตามฟ้องอันทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 การที่จะสั่งเพิกถอนแก้ไข หรือออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินหรือเพิกถอน แก้ไขเอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือเอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่เป็นการออกโฉนดคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไข แต่คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867ดังกล่าวโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ซึ่งนายสุเจนน์ ชินวัตร์ กับพวกรวม 4 คน ยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงดำเนินคดีอย่างคดีอันมีข้อพิพาทตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 509/2534 ของศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าว ศาลฎีกาวินิจฉัยมีใจความว่า นายคำกับพวกได้เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 เป็นการชั่วคราวและถือวิสาสะ ไม่ใช่เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ นายคำกับพวกผู้ครอบครองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ผู้ร้อง(โจทก์คดีนี้) เป็นผู้รับโอนที่ดินดังกล่าวย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน พิพากษาให้ยกคำร้องขอ ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และนายสมเจตน์กับพวก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่งเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าวแล้วว่าโฉนดที่ดินออกโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 โดยการครอบครองโจทก์จึงมิใช่เป็นผู้มีสิทธิหรือประโยชน์ได้เสียในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867 ไม่อาจมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นแก่โจทก์เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 2867ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 81 และโฉนดที่ดินเลขที่ 2867 ซึ่งออกตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวตามฟ้อง
พิพากษายืน