คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายถูกทำร้ายอยู่เป็นเวลาประมาณ5ถึง10นาทีผู้เสียหายรู้จักจำเลยทั้งสามและพวกมาก่อนในบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟฟ้าสว่างผู้เสียหายย่อมจะเห็นคนร้ายได้ชัดเจนผู้เสียหายมีบาดแผลที่ศีรษะไหล่และที่หลังตรงตามที่ผู้เสียหายเบิกความว่าถูกฟันส่วนน. พยานโจทก์อีกปากหนึ่งแม้ไม่ได้เบิกความว่าจำเลยคนใดมีอาวุธแต่ก็ยังยืนยันว่าจำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายและตามคำให้การชั้นสอบสวนจำเลยที่1รับว่าใช้มีดฟันผู้เสียหายส่วนจำเลยที่2รับว่าเข้าไปชกผู้เสียหายนอกจากนี้มารดาจำเลยที่1และบิดาจำเลยที่2และที่3ทำบันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายโดยรับว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83 จำคุกคนละ 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าตามวัน เวลาเกิดเหตุนายเสกสรร แดงทน ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายได้รับอันตรายสาหัส มีบาดแผลปรากฏตามผลการชันสูตรบาดแผลหรือศพของแพทย์ท้ายฟ้อง คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความว่าในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ21 นาฬิกา ผู้เสียหายกับนายนวลตา ชาวดอน ได้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านนายประเสริฐ ต่อมาเวลาประมาณ 23 นาฬิกา ผู้เสียหายกับนายนวลตาเดินลงจากบ้านนายประเสริฐเห็นจำเลยทั้งสามกับนายบรรเทาและนายไสวนั่งอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้านนายประเสริฐจำเลยที่ 2 ได้เข้าชกหน้าผู้เสียหาย 1 ทีจนเซถลา ส่วนพวกที่เหลือเดินตรงมาที่ผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 1 ใช้มีดฟันที่ศีรษะผู้เสียหาย1 ที จำเลยที่ 3 นายบรรเทาและนายไสวได้มารุมเตะต่อยและตีผู้เสียหาย โดยจำเลยที่ 3 มีไม้ ส่วนนายไสวมีเหล็กแล้วจำเลยที่ 1 ยังได้ใช้มีดฟันผู้เสียหายที่ไหล่อีก 1 ทีนายนวลตาเข้าห้ามและได้แย่งมีดจากจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยทั้งสามกับพวกวิ่งตาม นายบรรเทาได้ใช้มีดฟันหลังผู้เสียหายผู้เสียหายล้มนายนวลตาเข้าห้าม ผู้เสียหายวิ่งหนีไปซ่อนตัวในป่า จำเลยทั้งสามกับพวกวิ่งตามแต่หาไม่พบจึงกลับไป ผู้เสียหายออกมาจากที่ซ่อน นายนวลตาได้พาผู้เสียหายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตามคำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวเห็นได้ว่า ผู้เสียหายถูกทำร้ายอยู่เป็นเวลาประมาณ 5 ถึง 10 นาที ผู้เสียหายรู้จักจำเลยทั้งสามและพวกมาก่อน ในบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟฟ้าสว่างผู้เสียหายย่อมจะเห็นคนร้ายได้ชัดเจนผู้เสียหายมีบาดแผลศีรษะไหล่ และที่หลังตรงตามที่ผู้เสียหายเบิกความว่าถูกฟันคำเบิกความของผู้เสียหายจึงมีเหตุผลน่าเชื่อถือ นายนวลตา ชาวดอน พยานโจทก์อีกคนหนึ่งก็เบิกความว่า เมื่อลงมาจาก บ้านนายประเสริฐได้เห็นจำเลยทั้งสามกับพวกนั่งอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้านของนายประเสริฐนายนวลตาเดินลงมาก่อนส่วนผู้เสียหายเดินตามลงมา เมื่อเดินเลยไปได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรตก จึงหันไปดู เป็นผู้เสียหายล้มเห็นจำเลยทั้งสามกับพวกรุมทำร้ายผู้เสียหาย นายนวลตาเข้าห้ามจำเลยทั้งสามกับพวกก็ได้เข้าไปทำร้ายผู้เสียหายอีก ผู้เสียหายได้วิ่งหนีเข้าป่า ตามคำเบิกความของนายนวลตาดังกล่าวแม้จะไม่ได้เบิกความว่าจำเลยคนใดมีอาวุธ แต่ก็ยังยืนยันว่าจำเลยทั้งสามกับพวกซึ่งมีนายบรรเทาและนายไสวได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เอกสารหมาย จ.4 และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เอกสารหมาย จ.5 จำเลยที่ 1 ก็รับว่าได้ใช้มีดฟันผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 2 รับว่าได้เข้าไปชกผู้เสียหายนอกจากนี้มารดาจำเลยที่ 1 และบิดาจำเลยที่ 2 และ 3 ได้ทำบันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 25,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.1 โดยรับว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายหากจำเลยทั้งสามไม่ได้กระทำความผิดจริงบิดามารดาจำเลยทั้งสามก็คงไม่ไปทำบันทึกใช้ค่าเสียหายเช่นนั้นที่จำเลยทั้งสามนำสืบว่าเหตุที่ทำบันทึกชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย เพราะพนักงานสอบสวนบอกว่าเรื่องทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องเล็กน้อย ให้รับสารภาพและชดใช้ค่าเสียหายเสีย เรื่องจะได้แล้วกันไปนั้น เห็นว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอที่พนักงานสอบสวนจะแนะนำเช่นนั้น และแม้พนักงานสอบสวนจะแนะนำถ้าจำเลยทั้งสามไม่ได้กระทำความผิด ฝ่ายจำเลยจะไม่ทำก็ย่อมได้ พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวฟังได้ว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share