แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อความข้อใดข้อหนึ่งในเอกสารอาจตีความได้เป็น 2 นัยนัยไหนจะทำให้เป็นผลบังคับได้ ให้ถือเอาตามนัยนั้นดีกว่าที่จะถือเอานัยที่ไร้ผล และในการตีความแสดงเจตนานั้น ให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร เมื่อตามประกาศของจำเลยที่ 1 เรื่องการประกวดราคาเช่าสะพานท่าเทียบเรือวางเงื่อนไขไว้ว่า ผู้ยื่นซองจะต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้น และโจทก์จำเลยทั้งสามต่างก็ยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้เสนอราคามาโดยตลอดดังนั้น ข้อความในใบเสนอการประกวดราคาที่ระบุว่า “ข้าพเจ้าบ. ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงน้ำแข็งเฉลิมพล… ขอเสนอการประกวดราคาการเช่าสะพานท่าเทียบเรือ…” จึงต้องถือว่าบ. เสนอราคาในนามของโจทก์ ซึ่งเป็นนิติบุคคล มิใช่เสนอราคาในฐานะส่วนตัว เพราะหากถือว่า บ. เสนอราคาในฐานะส่วนตัว ย่อมทำให้การเสนอราคาไร้ผลและขัดเจตนาของคู่กรณี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีนายบังเอียน โลหะคุปต์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1 ที่ 2โดยได้รับความเห็นชอบจากจำเลยที่ 3 ร่วมกันประกาศประกวดราคาเช่าสะพานท่าเทียบเรือสุขาภิบาลแหลมงอบแก่บุคคลทั่วไป โจทก์เป็นผู้หนึ่งที่ได้เข้ายื่นซองประกวดราคาตามประกาศดังกล่าวและเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดจึงมีสิทธิเข้าทำสัญญาเช่าท่าเทียบเรือตามประกาศกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 จากนั้นโจทก์ก็ได้ตระเตรียมเข้าทำสัญญากับจำเลยที่ 1ที่ 2 พร้อมมีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำสัญญากับโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ไม่สามารถให้โจทก์เข้าทำสัญญาได้ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสามจัดการให้โจทก์เข้าทำสัญญาภายในเวลาที่กำหนดแล้ว แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉยการกระทำของจำเลยทั้งสามทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันคืนเงินค่าประกันซองประกวดราคา 300,000 บาทแก่โจทก์และร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหาย 377,581.37 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงิน 300,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 377,581.37 บาทนับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้ประกาศประกวดราคาเช่าสะพานท่าเทียบเรือสุขาภิบาลแหลมงอบ ปรากฏว่าโจทก์เสนอค่าเช่าเป็นจำนวน 432,084 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุด หลังจากนั้นจำเลยที่ 1ได้ติดต่อให้โจทก์เข้าทำสัญญาตลอดมา แต่โจทก์เพิกเฉย เนื่องจากประมูลสูงกว่าผู้ประมูลรายอื่นมาก และภาวะการค้าของโจทก์ที่จะทำกิจการประมงห้องเย็นและผลิตน้ำแข็ง มีแนวโน้มจะขาดทุน ค่าเสียหายที่โจทก์ขอมาไม่เป็นความจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ตามประเด็นแห่งคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2517 จำเลยที่ 1 ที่ 2โดยความเห็นชอบของจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกันประกาศประกวดราคาเช่าสะพานท่าเทียบเรือสุขาภิบาลแหลมงอบ ในการนี้มีผู้เสนอการประกวดราคาค่าเช่าสะพานท่าเทียบเรือดังกล่าวจำนวน 3 ราย รายที่ 1ซึ่งเป็นรายที่พิพาทกันในคดีนี้เสนอราคาสูงสุด เสนอราคาค่าเช่าเป็นจำนวนเงิน 432,084 บาท รายละเอียดปรากฏตามใบเสนอการประกวดราคาเอกสารหมาย ล.4 ใบเสนอการประกวดราคาเอกสารหมาย ล.4 มีข้อความเกี่ยวกับตัวผู้เสนอว่า “ข้าพเจ้าบังเอียนโลหะคุปต์ ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงน้ำแข็งเฉลิมพลตั้งบ้านเรือนอยู่เลขที่ 1/5 หมู่ที่ 2 ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง จังหวัดตราด ขอเสนอการประกวดราคาการเช่าสะพานท่าเทียบเรือสุขาภิบาลแหลมงอบดังนี้ ฯลฯ”
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า นายบังเอียน โลหะคุปต์ได้เสนอการประกวดราคาค่าเช่าเอกสารหมาย ล.4 โดยใช้ข้อความว่า”ข้าพเจ้าบังเอียน โลหะคุปต์ ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงน้ำแข็งเฉลิมพล” เป็นการกระทำในฐานะส่วนตัวถือไม่ได้ว่าโจทก์มีข้อโต้แย้งสิทธิเกี่ยวกับการประกวดราคาเช่าท่าเทียบเรือสุขาภิบาลแหลมงอบ เพราะจำเลยทั้งสามไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ปัญหาที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้จึงมีว่าข้อความเกี่ยวกับตัวผู้เสนอราคาดังกล่าวข้างต้นมีความหมายว่านายบังเอียนเป็นผู้เสนอราคาเองในฐานะส่วนตัว หรือว่าเสนอราคาในนามของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประกาศของจำเลยที่ 1เรื่องประกวดราคาเช่าสะพานท่าเทียบเรือ เอกสารหมาย ล.1 ข้อ 4.2วางเงื่อนไขไว้ว่าผู้ยื่นซองจะต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้น คณะกรรมการรับซองของจำเลยที่ 1 ก็รับซองประกวดราคาไว้ว่าเป็นซองประกวดราคาของโจทก์ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.6, ล.8 แม้ใบเสนอการประกวดราคาเอกสาร ล.4 จะกรอกข้อความดังกล่าว ก็เห็นได้ว่าเป็นการกรอกข้อความไปตามแบบพิมพ์ของจำเลยที่ 1 นายบังเอียนไม่มีสิทธิยื่นซองในฐานะส่วนตัวเพราะขัดกับเงื่อนไขตามประกาศของจำเลยที่ 1 เนื่องจากเป็นบุคคลธรรมดามิใช่นิติบุคคล ปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยทั้งสามอีกว่า เมื่อโจทก์ฟ้องว่าโจทก์เข้ายื่นซองประกวดราคาและเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดจำเลยทั้งสามก็ไม่ได้ให้การโต้เถียงว่าเสนอในนามของนายบังเอียนเป็นการส่วนตัว แต่กลับยอมรับว่าโจทก์ได้เข้าประกวดราคาและเสนอราคาสูงสุดจริง และจำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์เข้าทำสัญญากับจำเลยที่ 1 แล้วแต่โจทก์ไม่ยอมเข้าทำสัญญาเอง เห็นได้ว่าโจทก์และจำเลยทั้งสามต่างก็ยอมรับข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นผู้เสนอราคามาโดยตลอด ไม่เคยโต้แย้งว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสนอราคา นอกจากนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 10 เดิม บัญญัติว่าเมื่อความข้อใดข้อหนึ่งในเอกสารอาจตีความได้เป็นสองนัย นัยไหนจะทำให้เป็นผลบังคับได้ ให้ถือเอาตามนัยนั้นดีกว่าที่จะถือเอานัยที่ไร้ผล และมาตรา 132 เดิมบัญญัติว่าในการตีความการแสดงเจตนานั้นให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษรดังนั้น ในกรณีนี้จึงต้องถือว่า นายบังเอียนเสนอราคาในนามของโจทก์ มิใช่เสนอราคาในฐานะส่วนตัว เพราะหากถือว่านายบังเอียนเสนอราคาในฐานะส่วนตัวย่อมทำให้การเสนอราคาไร้ผลและขัดกับเจตนาของคู่กรณี คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น…”
พิพากษายืน