แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่เช่า จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดการบอกกล่าวไม่ชอบ ขับไล่จำเลยไม่ได้ พร้อมกับฟ้องแย้งว่า โจทก์รับเงินประกันการเสียหายไว้จากจำเลยจำนวนหนึ่ง เมื่อเลิกสัญญาเช่ากันโจทก์ต้องคืนเงินประกันดังกล่าวให้จำเลย ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแต่เป็นเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลัง เมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้วโจทก์จึงต้องคืนเงินประกันความเสียหาย กล่าวคือถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะคืนเงินประกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเรียกร้องกันอีกต่างหากเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวที่เช่าซึ่งเป็นของโจทก์พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า สัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนด การบอกกล่าวไม่ชอบ ขับไล่จำเลยไม่ได้ โจทก์รับเงินประกันการเสียหายไว้จากจำเลย 3,500 บาทเมื่อโจทก์จำเลยเลิกสัญญาเช่ากันโจทก์จะต้องคืนเงินนี้ให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การจำเลย ไม่รับฟ้องแย้ง อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวพิพาทและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อฟ้องแย้ง นอกนั้นสั่งไม่รับเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การขอคืนเงินประกันเป็นอีกกรณีหนึ่งที่จะพึงว่ากล่าวกันภายหลัง ฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสามบัญญัติว่า “จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก” กฎหมายบัญญัติไว้ดังกล่าวนี้เห็นได้ว่าต้องการให้ศาลพิจารณาคดีเป็นเรื่อง ๆ ไปไม่ปะปนกัน แม้โจทก์ฟ้องที่มีข้อหาหลายข้อซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกันก็ให้ศาลสั่งแยกคดีเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 29 คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนด การบอกกล่าวไม่ชอบขับไล่จำเลยไม่ได้ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลัง เมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้วโจทก์จึงต้องคืนเงินประกันความเสียหาย กล่าวคือ ถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไป เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะคืนเงินประกันความเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเรียกร้องกันอีกต่างหากเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้
พิพากษายืน