แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องการซื้อขายที่ดิน โดยโจทก์ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้จำเลยแล้ว และจำเลยได้ชำระราคาให้โจทก์บางส่วน ส่วนที่เหลือจำเลยได้ตกลงชำระให้โจทก์เป็นงวด ๆ ให้เสร็จสิ้นใน 1 ปี 6 เดือน แม้ภายหลังจำเลยกลับทำสัญญากู้ให้ไว้แทนโดยมีกำหนดชำระเงินภายใน 5 ปี แต่โจทก์ก็ยินยอมลงนามในสัญญากู้แล้วนั้น ข้อกล่าวหาของโจทก์ดังนี้ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยวางแผนหลอกลวงเพื่อซื้อที่ดินโจทก์ในราคาต่ำกว่าราคาที่แท้จริง โดยตกลงซื้อที่ดินในราคา ๑,๔๔๔,๕๐๐ บาท จะชำระให้ในวันทำสัญญาโอนขายที่ดิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจะชำระให้เป็นงวด ๆ ภายใน ๑ ปี ๖ เดือน โจทก์หลงเชื่อตกลงโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้จำเลย แต่แล้วจำเลยไม่ยอมทำสัญญาเกี่ยวกับการชำระราคาที่ดินที่ยังค้างตามที่ได้ตกลงกันไว้ กลับขอให้ทำเป็นสัญญากู้เงินโจทก์ ๑,๐๔๐,๐๐๐ บาท กำหนดชำระเงินกู้ภายใน ๕ ปี โจทก์ทักท้วง จำเลยก็รับว่าจะชำระเงินตามที่พูดตกลงกัน โจทก์จำต้องถือสัญญานี้ไว้ เมื่อถึงกำหนดชำระตามงวดที่ตกลงกัน จำเลยขอผัด และต่อมากลับว่าไม่ขอรับผิดชอบจึงขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑,๘๓
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ข้อความที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องไม่มีมูลความผิดทางอาญาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้พิเคราะห์ฟ้องแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องการซื้อขายที่ดินที่จำเลยได้ชำระราคาให้โจทก์ไปแล้วบางส่วนเป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท ราคาที่ดินที่ยังค้างชำระแม้จำเลยจะได้ตกลงชำระให้โจทก์ให้งวด ๆ ให้เสร็จสิ้นใน ๑ ปี ๖ เดือน แม้ภายหลังจำเลยกลับทำสัญญากู้ให้ไว้แทนโดยมีกำหนดชำระเงินภายใน ๕ ปี แต่โจทก์ก็ยินยอมลงนามในสัญญากู้แล้วนั้น จึงหาใช่เป็นเรื่องวางแผนเพื่อฉ้อโกงเอาที่ดินโจทก์แต่อย่าง ใดไม่ ข้อกล่าวหาของโจทก์ไม่เป็นความผิดทางอาญา
พิพากษายืน
(อุดม ทันด่วน ชลอ จารมรมาน ชุ่ม สุนทรชัย)