คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1991/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งจ่ายเงินผิดประเภท โดยไม่มีอำนาจ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้จังหวัดได้รับความเสียหาย กรณีเช่นนี้เป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 โจทก์ต้องฟ้องภายในอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่าง พ.ศ.๒๔๙๕ ถึง ๒๔๙๖ จำเลยดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัดยะลา เป็นกรรมการค้าข้าวและมีหน้าที่สั่งราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยได้นำเงินทุนค่าข้าวสารไปใช้ในกิจการอื่น เป็นเงินทั้งสิ้น ๓๙,๕๖๙ บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ได้สั่งจ่ายเงินจำนวนที่โจทก์ฟ้องเป็นค่ารับรองรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จำเลยไม่ได้เอามาเป็นประโยชน์ส่วนตัวจึงไม่ต้องรับผิด และให้การตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๔๘ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลจังหวัดยะลาเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานแล้วพิพากษาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานะที่จำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์และได้เอาเงินของโจทก์ไปใช้ เข้าลักษณะตัวการตัวแทน มีอายุความ ๑๐ ปี ไม่ได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน คดีจึงไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นตัวแทนแต่กลับได้ความว่า ขณะที่จำเลยเป็นปลัดจังหวัดและรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด จำเลยได้เอาเงินทุนค่าข้าวสารของโจทก์ไปใช้จ่ายสินประเภท โดยไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้โดยชอบ จึงเป็นการฟ้องว่าจำเลยละเมิดต่อโจทก์ ไม่ใช่ฟ้องในกรณีตัวการตัวแทน การกระทำของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนระเบียบซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ได้ชื่อว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๔๒๐ คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าโจทก์รู้ถึงมูลละเบิดเมื่อใด แต่ขออนุญาตจากคำฟ้องได้ว่า โจทก์ได้รู้หรือมีเหตุอันควรรู้การกระทำของจำเลยในระหว่างปี พ.ศ.๒๔๙๕ ถึง ๒๔๙๖ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องในปี พ.ศ.๒๕๐๕ อันเป็นระยะเวลาพ้น ๑ ปี คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์ ค่าทนายเป็นทับ

Share