แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายเข้าผลักอกและเตะจำเลยก่อน จำเลยเตะตอบไปหนึ่งทีครั้นจำเลยถอยออกไป ผู้ตายก็ยังคงเดินตามเข้าไปยังจำเลยอีกด้วยท่าทางอย่างคนจะชกต่อย ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงได้ยิงผู้ตายในขณะนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนพกยิงนายเบิ้มหรือประยูร ๑ นัด โดยเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกนายเบิ้มหรือประยูรได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การว่ายิงผู้ตายจริง แต่ทำไปเพื่อป้องกันตัว
นายอั๋นบิดาผู้ตายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า เป็นการทะเลาะวิวาทกัน ไม่เป็นการป้องกันพิพากษากลับเป็นว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ให้จำคุก ๒๐ ปี คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ๑ ใน ๔ ตามมาตรา ๗๘จำคุก ๑๕ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ขณะจำเลยรำวงอยู่กับหญิงคนหนึ่งบนเวทีรำวงผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนโดยเข้าไปผลักอกจำเลยและเตะจำเลยก่อนจำเลยเตะตอบไป ๑ ที ครั้นจำเลยถอยออกไป ผู้ตายก็ยังคงเดินตามเข้าไปยังจำเลยอีกด้วยท่าทางอย่างคนจะชกต่อย ดังนี้ เห็นได้ว่า จำเลยได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงได้ยิงผู้ตายในขณะนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ ให้จำคุก ๕ ปี