คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษไว้ แล้วกลับมากระทำผิดอีกภายในกำหนดเวลา ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยอีกได้
คำว่า “ได้รับโทษจำคุกมาก่อน” ใน มาตรา 41 ที่แก้ไขใหม่หมายความว่า จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้ว หาใช่เพียงแต่ถูกคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกนั้นไว้ไม่

ย่อยาว

ได้ความว่าเดิมจำเลยต้องคำพิพากษาให้จำคุก 3 เดือน ปรับ 500 บาทแต่โทษจำคุกศาลให้รอการลงอาญาไว้ 2 ปีนับแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2494 ครั้นต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม 2496 จำเลยได้กระทำผิดพระราชบัญญัติฝิ่น คือคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 เดือนครึ่ง ปรับ 375 บาท แต่ให้รอการลงโทษจำเลยตามมาตรา 41 มีกำหนด 2 ปี

โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลจะรอการลงโทษแก่จำเลยครั้งที่ 2 ไม่ได้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าตามมาตรา 41 ที่แก้ไขใหม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจเมื่อเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้ และคำว่า”ได้รับโทษจำคุกมาก่อน” ในมาตรา 41 หมายความว่า จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วหาใช่เพียงแต่ถูกคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกแต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกนั้นไว้ไม่ ที่ศาลสั่งให้รอการลงโทษจำเลยในคดีนี้ จึงไม่ผิดกฎหมาย

พิพากษายืน

Share