คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์สินที่จำเลยและผู้ร้องได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยาอันเป็นสินบริคณห์นั้น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์ได้ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเสียก่อน
การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีให้การยอมให้โจทก์นำยึดทรัพย์เพื่อใช้หนี้ ต่อมาไม่ถึง 3 เดือน จำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นภรรยามาทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ผู้ร้องไม่ใช่ภรรยาของจำเลย ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่เป็นทรัพย์ที่จัดหาและมีขึ้นด้วยทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง เช่นนี้ ย่อมเป็นการสมยอมกัน จะต้องกันมิให้ทรัพย์พิพาทถูกยึดมาใช้หนี้โจทก์ ฉะนั้น จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์อย่างใด

ย่อยาว

คดีนี้เนื่องมาจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษา ได้นำยึดที่ดินและเรือนเพื่อเอามาขายทอดตลาด
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินและเรือนที่ยึดเป็นของส่วนตัวผู้ร้องคนเดียว ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกับผู้ร้องเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายทรัพย์พิพาทได้มาระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นสามีภรรยากัน โจทก์ยึดขายชำระหนี้ได้ จึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองฟังต้องกันมาว่า ทรัพย์พิพาทเป็นทรัพย์ที่ได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยากันนั้นชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว เมื่อฟังว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์ที่จำเลยและผู้ร้องได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยากัน เป็นสินบริคณห์ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยมีสิทธิยึดทรัพย์ทั้งหมดได้ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเสียก่อน
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า สัญญาประนีประนอมยอมความรับรองฐานะภรรยาและทรัพย์สินว่าเป็นของผู้ร้องแต่คนเดียว สัญญานี้ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่ใช้กลฉ้อฉลนั้นเห็นว่า จำเลยถูกกล่าวหาว่าสมคบกับพวกทำการยักยอกทรัพย์ จะต้องใช้ทรัพย์ที่ยักยอกให้แก่ราชการทหาร จำเลยให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๐๐ ต่อมาวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๐๐ จำเลยก็ให้การต่อพนักงานสอบสวนในข้อหาความผิดอาญาฐานยักยอก ทั้งสองคราวนี้จำเลยให้การยอมให้ทางราชการ คือ โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยซึ่งมีทรัพย์พิพาทรวมอยู่ด้วยเพื่อใช้ชำระหนี้รายที่จำเลยต้องหาว่ายักยอก ต่อมาวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๐๐ จำเลยและผู้ร้องก็ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน มีใจความสำคัญว่า ผู้ร้องไม่ใช่ภรรยาจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่เป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องจัดหาและมีขึ้นด้วยทรัพย์สินอันเป็นส่วนตัวของผู้ร้อง สัญญานี้ได้ทำขึ้นหลังจากจำเลยยอมรับใช้หนี้ให้โจทก์ไม่ถึง ๓ เดือน เห็นได้ชัดว่า เพื่อสมยอมกันจะป้องกันมิให้ทรัพย์พิพาทถูกยึดมาใช้หนี้โจทก์ ไม่มีผลผูกพันโจทก์ ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share