คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะค่าทนายความที่ให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อคดีมีทุนทรัพย์เพียง 27,500 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จำเลยจะฎีกาว่ามิได้ขับรถประมาทหรือผู้อื่นมีส่วนประมาทด้วยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ไปตามถนนสุขุมวิทด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ซึ่งแล่นอยู่ข้างหน้า แล้วรถยนต์ของจำเลยแล่นไปทางแถบขวาชนรถยนต์ของโจทก์ที่ขับสวนทางมา รถยนต์โจทก์เสียหาย เสียค่าซ่อมรถ10,700 บาท รถเสื่อมราคา 15,000 บาท และเสียค่าเช่ารถยนต์ระหว่างซ่อมรถ1,800 บาท โจทก์ทวงถาม จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 27,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยขับรถยนต์มาด้วยความเร็วปกติ รถยนต์ของโจทก์ชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ก. – 6810 เพราะความประมาทของโจทก์ซึ่งขับมาด้วยความเร็วสูงและไม่สามารถหยุดได้ทันที ประกอบกับรถยนต์ที่จำเลยขับถูกรถยนต์จิ๊บแลนด์โรเวอร์ซึ่งแล่นตามหลังชนท้ายอย่างแรง ทำให้รถยนต์ของจำเลยเสียหลักทรงตัวไปชนรถยนต์โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยรถยนต์โจทก์เสียหายไม่เกิน 3,000 บาท ไม่เสื่อมราคา ค่าเช่ารถยนต์หากมีก็ไม่ถึง 1,800 บาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รถยนต์ของจำเลยชนรถยนต์โจทก์ เกิดจากความประมาทของจำเลย พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายรวมทั้งสิ้น 22,400 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ 2,000 บาทแทนโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหายดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น แต่ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าทนายความ2,000 บาทแทนโจทก์นั้นเกินกว่าอัตราร้อยละ 5 ในตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้น 1,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ขับรถโดยประมาทหรือคนขับรถแล่นด์โรเวอร์มีส่วนประมาทด้วย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันว่า เหตุที่รถยนต์แลนด์โรเวอร์ชนท้ายรถยนต์ของจำเลยทำให้รถยนต์ของจำเลยกระเด็นไปชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย เป็นเพราะจำเลยขับรถยนต์แซงรถยนต์แลนด์โรเวอร์ในที่คับขันตรงเชิงสะพาน ซึ่งถนนลาดต่ำลงและลื่น ทั้งขณะนั้นรถยนต์ของโจทก์กำลังแล่นสวนทางมา จำเลยขับรถเข้าเส้นทางเดินด้านหน้ารถยนต์แลนด์โรเวอร์และทางด้านหลังรถยนต์นิสสันแต่เนื่องจากช่องว่างระหว่างรถยนต์ทั้ง 2 คันดังกล่าวมีจำกัด เมื่อจำเลยขับรถเข้าไปในช่องนั้น รถยนต์ของจำเลยจึงชนท้ายรถยนต์นิสสันและรถยนต์แลนด์โรเวอร์หยุดไม่ทัน จึงชนท้ายรถยนต์ของจำเลย ทำให้รถยนต์ของจำเลยกระเด็นไปชนรถยนต์ของโจทก์ในเส้นทางของรถยนต์ของโจทก์ จึงเป็นความประมาทของจำเลยและจำเลยเป็นผู้ก่อให้เกิดละเมิดโดยตรงและศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะค่าทนายความที่ให้จำเลยใช้แทนโจทก์ ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและคดีนี้เป็นคดีที่มีทุนทรัพย์เพียง 27,500 บาท ทั้งผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลอุทธรณ์มิได้มีความเห็นแย้ง และผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์มิได้รับรองไว้หรือรับรองในเวลาตรวจฎีกาว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้ ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตา 248

พิพากษายกฎีกาของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share