คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976-1978/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าขายเฉพาะหุ้นให้แก่จำเลยไม่รวมทั้งเงินปันผล จำเลยต่อสู้ว่าขายเหมารวมทั้งเงินปันผล ดังนี้แม้ในสัญญาปรากฏชัดว่าโจทก์ขายหุ้นส่วนแก่จำเลยก็ตาม เมื่อคดีปรากฏว่ายังมิได้มีการปันผลหุ้นที่มีอยู่ กรณีอาจจะรวมทั้งทุนกำไรก็ได้แล้วแต่จะเป็นที่เข้าใจในระหว่างกัน ฉะนั้นการที่จำเลยจะนำสืบว่าเป็นการขายเหมาทั้งสิทธิและหน้าที่นั้นจึงเป็นการนำสืบถึงข้อเท็จจริงที่ได้มีความเข้าใจกันอยู่ จะว่าเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความที่ปรากฏชัดอยู่ในสัญญาแล้วยังไม่ได้.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์แยกฟ้องจำเลยคนเดียวกันเป็น ๓ สำนวน ใจความทำนองเดียวกัน ศาลพิจารณาและพิพากษารวมกัน
โจทก์ทั้ง ๓ ฟ้องว่าโจทก์กับบุคคลอื่น ๆ ได้เข้าหุ้นส่วนกับจำเลยตั้งโรงเลื่อย จำเลยเป็นผู้จัดการ กิจการโรงเลื่อยมีผลกำไรในปี ๒๔๙๔ – ๒๔๙๕ – ๒๔๙๖ รวมเป็นเงิน ๔๘๔,๔๘๐.๘๒ บาท จำเลยต้องแบ่งให้ นายประทีป โจทก์ ๖๐,๕๖๐.๑๐ บาท ให้ นายพาณิช โจทก์ ๓๖,๓๓๖.๐๖ บาท ให้ นายสุนทร โจทก์ ๑๒๑,๑๒๐.๒๐ บาท
ต่อมาวันที่ ๖ เมษายน ๒๔๙๗ โจทก์ทั้ง ๓ ได้ตกลงขายหุ้นของโจทก์ ให้แก่จำเลย ส่วนเงินปันผลกำไรดังกล่าวจนบัดนี้จำเลยไม่ยอมจ่ายให้โจทก์ จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงขายหุ้นเหมาทั้งสิทธิและหน้าที่ของหุ้น ราคาที่ขายสูงกว่าราคาหุ้นเดิมของโจทก์ที่ลงทุน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อที่โจทก์คัดค้านว่า คำในหนังสือขายหุ้น ก็ต้องแปลว่าขายเฉพาะหุ้น จำเลยจะนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขว่เป็นขายทั้งหุ้นและผลกำไรด้วยไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่าในเรื่องเช่นนี้เมื่อยังมิได้มีการปันผล หุ้นที่มีอยู่อาจจะรวมทั้งทุนกำไรก็ได้แล้วแต่จะเป็นที่เข้าใจในระหว่างกัน ฉะนั้นการนำสืบว่าเป็นการขายเหมาทั้งสิทธิและหน้าที่นั้นจึงเป็นการนำสืบถึงข้อเท็จจริงที่ได้มีความเข้าใจกันอยู่ จะว่าเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความที่ปรากฏชัอยู่ในสัญญาแล้วยังไม่ได้และฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ขายหุ้นเป็นการขายเหมารวมทั้งผลกำไร พิพากษายืน.

Share