คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ผู้รับจำนองมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่นๆ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 โดยหาจำต้องฟ้องร้องขอบังคับจำนองก่อนหรือต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอยู่แล้วไม่เพราะกฎหมายมิได้มีข้อจำกัดสิทธิของผู้รับจำนองดังกล่าว และการยื่นคำร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ก็มิใช่การฟ้องบังคับจำนองโดยตรง ผู้รับจำนองจึงไม่ต้องมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองให้ลูกหนี้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรตาม ป.พ.พ. มาตรา 728 ดังนั้น ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองย่อมอาศัยอำนาจแห่งการจำนองยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองในทรัพย์จำนองที่มีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษารายอื่นยึดไว้แล้วได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ยี่ห้อเกียร์ หมายเลขทะเบียน อห 3875 กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 400,000 บาท ให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายนับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 31,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 31,500 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 22 เมษายน 2548) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายเดือนละ 3,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถคืนหรือใช้ราคาแทนเสร็จ แต่ทั้งนี้ไม่เกิน 13 เดือน จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 187587 ตำบลคลองถนน อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ของจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับคดีขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวมาชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้รายอื่นๆ
โจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่คัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว เห็นว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลขอให้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดมาชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนอง ถือว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองซึ่งผู้ร้องต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรก่อน เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควร ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นโดยที่ผู้ร้องมิได้มีจดหมายบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 1 ก่อนเพื่อให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรนั้น จะเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 บัญญัติว่า “ถ้าบุคคลใดชอบที่จะบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ หรือชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินเหล่านั้นได้โดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองที่อาจบังคับได้ก็ดี หรืออาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิก็ดี บุคคลนั้นอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในกรณีที่อาจบังคับเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองหลุด ผู้รับจำนองจะมีคำขอดังกล่าวข้างต้นให้เอาทรัพย์สินซึ่งจำนองนั้นหลุดก็ได้…” เห็นว่า ตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีข้อจำกัดสิทธิของผู้รับจำนองว่าจะต้องฟ้องร้องบังคับจำนองก่อนหรือจะต้องเป็นเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาจึงจะขอรับชำระหนี้ได้ เมื่อผู้ร้องได้ยืนยันมาในคำร้องขอว่า จำเลยที่ 1 ได้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินและสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ต่อผู้ร้องและผู้ร้องย่อมอาศัยสิทธิแห่งอำนาจจำนองที่อาจบังคับได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลขอรับชำระหนี้จำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ได้ ทั้งผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอก่อนที่จะนำทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด อันเป็นการยื่นถูกต้องภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย ผู้ร้องจึงชอบที่จะได้รับชำระหนี้ตามที่ร้องขอ แม้คำร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองแต่ก็มิใช่การฟ้องบังคับจำนองโดยตรงที่ผู้รับจำนองจะต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้น เงื่อนไขที่จะต้องบอกกล่าวก่อนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 ใช้สำหรับกรณีที่ผู้รับจำนองจะฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้พิพากษาสั่งให้ยึดทรัพย์สินซึ่งจำนอง แต่ในกรณีการยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 เป็นกรณีที่ทรัพย์สินที่จำนองได้ถูกยึดไว้แล้วโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้นำยึด ผู้รับจำนองอาศัยอำนาจแห่งการจำนองมาขอรับชำระหนี้ในทรัพย์สินที่มีเจ้าหนี้อื่นนำยึดไว้แล้ว จึงไม่ใช่การฟ้องคดีบังคับจำนองที่จะต้องยึดทรัพย์นั้นอีก ผู้ร้องจึงสามารถยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองโดยไม่จำต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ก่อน ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งตามรูปคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share