แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กู้เงิน ทำหนังสือกู้กันเองตกลงให้ผู้ให้กู้ ครอบครองที่นาไว้เป็นประกัน และทำต่างดอกเบี้ย การที่ผู้ให้กู้เอาที่นานั้นแจ้งการครอบครองแบบ ส.ค. 1 ว่าเป็นของตนเสียนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381
ผู้ให้กู้รับมอบนาพิพาทอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เบี้ยประกันหนี้และทำต่างดอกเบี้ยโดยตกลงกันเองมิได้ทำให้ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการประกันด้วยทรัพย์ ย่อมไม่มีผลทำให้เกิดทรัพย์สิทธิเหนือนาพิพาทอันจะทำให้มีอำนาจยึดหน่วงนาพิพาทตามประมวลกฎหมายแห่งและพาณิชย์มาตรา 241 วรรค 2 ผู้ให้กู้ต้องคืนนาพิพาทให้ผู้กู้
ผู้กู้เป็นโจทก์ฟ้องผู้ให้กู้ขอให้รับชำระหนี้ 280 บาทและคืนที่นาที่มอบไว้เป็นประกันและทำต่างดอกเบี้ยตามสัญญาที่ทำกันเอง ผู้ให้กู้ให้การว่า หนี้จำนวน 1,000 บาท แต่ไม่ได้ฟ้องแย้งเข้ามา ศาลคงบังคับให้ผู้กู้ชำระหนี้เท่าที่กล่าวในฟ้อง ส่วนจำนวนหนี้ยังค้างอยู่เป็นเรื่องที่ผู้ให้กู้จะต้องไปว่ากล่าวเอากับผู้กู้เพื่อให้ชำระจนสิ้นเชิงในฐานะเจ้าหนี้สามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 214 เป็นอีกเรื่องต่างหาก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ ๘-๙ ปีมานี้ โจทก์ทำสัญญากู้เงินจำเลย ๒๕๐ บาท มอบที่นาพิพาทให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย แต่โจทก์คงใช้สิทธิครอบครองแจ้งการครอบครองเป็นชื่อของโจทก์และเสียเงินค่าบำรุงท้องที่ทุกปีมา ระหว่างเดือนมีนาคม ๒๕๑๔ โจทก์ขอไล่นาพิพาท จำเลยไม่ยอม ขอให้บังคับจำเลยรับเงิน ๒๘๐ บาท และคืนนาพิพาทให้โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์กู้เงินจำเลย ๑,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี กำหนดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๔++ แต่จำเลยไม่มีเงินชำระ ได้ยกที่นาพิพาทให้จำเลย จำเลยได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของ และในปี พ.ศ.๒๔๙๘ ได้แจ้งการครอบครองและเสียภาษีที่ดินเรื่อยมาเกิน ๑๐ ปี คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยคืนนาพิพาทให้โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ยังคงถือว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ตลอดมาและจำเลยยึดถือนาพิพาทในฐานะเป็นผู้แทน โจทก์ผู้เป็นเจ้าของ คือ ในฐานะทำกินต่างดอกเบี้ย จึงเห็นว่า การที่จำเลยแจ้งการครอบครองนาพิพาทตามแบบ ส.ค.๑ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑+๘๑ ฉะนั้น แม้จำเลยจะครอบครองช้านานเพียงไรก็ไม่เกิดสิทธิประการใดขึ้น โจทก์มีสิทธิเรียกนาพิพาทคืนได้ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ และเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยรับมอบนาพิพาทอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เป็นประกันหนี้และทำต่างดอกเบี้ยโดยตกลงกันเองมิได้ทำให้ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการประกันด้วยทรัพย์ เช่นนี้ จึงไม่มีผลทำให้เกิดทรัพย์สินเหนือนาพิพาทอันจะทำให้มีอำนาจยึดหน่วงนาพิพาทต่อไปได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๒๔๑ วรรค ๒ จำเลยต้องคืนมาให้โจทก์ และให้โจทก์ชำระเงิน ๒๘๐ บาทให้+เลย ส่วนที่จำเลยได้เถียงว่า หนี้มีจำนวน ๑,๐๐๐ บาท แต่ไม่ได้ฟ้องแย้งเข้ามา จึงเห็นว่าจำนวนหนี้ยังค้างอยู่เท่าใด เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวเอากับโจทก์เพื่อให้ชำระจนสิ้นเชิงในฐานะเจ้าหนี้สามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๒๑๔ เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก พิพากษาแก้ ให้โจทก์จ่ายเงิน ๒๘๐ บาทแก่จำเลยด้วย นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์