แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตาม ป.อ. มาตรา 216 มุ่งประสงค์ลงโทษผู้ที่ขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ไม่ยอมเลิกการมั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 ซึ่งการมั่วสุมนั้นยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำการอันเป็นความผิดสำเร็จตามมาตรา 215 หากต่อมาผู้กระทำยังมั่วสุมต่อและได้กระทำการจนเป็นความสำเร็จตามมาตรา 215 ผู้กระทำย่อมมีความผิดทั้งมาตรา 215 และ 216เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวจากเจตนาเดียวกัน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 215, 216
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 215, 216 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 จำคุก 1 ปีจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือนริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยเป็นสองกรรม
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215เพียงบทเดียว ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216อีกบทหนึ่ง พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคสอง เพียงบทเดียวส่วนโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และริบของกลาง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเป็นสองกรรม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยตามคำบรรยายฟ้องเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า มาตรา 216 มุ่งประสงค์ลงโทษผู้ที่ขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ไม่ยอมเลิกการมั่วสุมกันเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 ซึ่งเป็นการกระทำที่ยังไม่ถึงขั้นที่ผู้กระทำได้ลงมือใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ หรือทำให้เกิดความวุ่นวายอันเป็นความผิดสำเร็จตามมาตรา 215 ดังนั้นมาตรา 216จึงเป็นความผิดต่างหากอีกบทหนึ่ง ด้วยเหตุนี้หากเจ้าพนักงานได้มีคำสั่งให้เลิกแล้ว แต่ผู้กระทำไม่เลิกตามคำสั่งของเจ้าพนักงานและได้กระทำการต่อไปจนเป็นความผิดสำเร็จตามมาตรา 215 ผู้กระทำก็ย่อมมีความผิดทั้งมาตรา 215 และมาตรา 216 อันเป็นกรรมเดียวที่เกิดจากการมั่วสุมและไม่เลิกตามคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งเป็นเจตนาเดียวกัน คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องแยกเป็นข้อต่างหากจากกันโดยในข้อ 1. โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2529 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและร่วมกันใช้ก้อนอิฐ ก้อนหิน และวัตถุของแข็งเป็นอาวุธขว้างปาประทุษร้ายเจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต ในขณะที่ห้ามปรามมิให้มีการขว้างปาทำลายศาลาประชาคมกับขว้างปาเผาทำลายโรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน และโรงงานไทยแลนด์ แทนทาลั่ม อินดัสตรี จำกัดซึ่งเป็นการบรรยายฟ้องในการกระทำผิดตามมาตรา 215 ส่วนฟ้องข้อ 2.โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ตสั่งให้จำเลยกับพวกที่มั่วสุมเพื่อกระทำผิดตามฟ้องข้อ 1. ให้เลิกไป แต่จำเลยกับพวกดังกล่าวไม่ยอมเลิกอันเป็นการบรรยายฟ้องในการกระทำผิดตามมาตรา 216 ซึ่งตามคำฟ้องข้อ 2. นี้ ย่อมมีความหมายเพียงว่า เจ้าพนักงานได้มีคำสั่งให้เลิกในขณะที่จำเลยกับพวกกำลังมั่วสุมกันเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 เท่านั้น ข้อความตามคำฟ้องนี้ไม่อาจแปลความได้ว่าในขณะที่เจ้าพนักงานได้มีคำสั่งให้เลิกนั้น จำเลยกับพวกได้ลงมือกระทำการครบถ้วนอันเป็นความผิดสำเร็จตามมาตรา 215 แล้วดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย การที่จำเลยกระทำการต่อไปจนเป็นความสำเร็จตามมาตรา 215 โดยไม่เลิกตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ย่อมมีความผิดตามมาตรา 215 อีกบทหนึ่ง อันเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามมาตรา 216 จึงต้องลงโทษตามมาตรา 216 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษที่หนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90…”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคสอง, 216, 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 216 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์