คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าซื้อกฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นเป็นโมฆะ จำเลยจะนำสืบว่ามีการเช่าซื้อโดยไม่มีเอกสารสัญญาเช่าซื้อมาแสดงหาได้ไม่ เมื่อบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคงระบุอ้างพยานบุคคลเพิ่มเติม เพียง 2 ปาก ถึงแม้จะอนุญาตให้เพิ่มเติมได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะจำเลยมิได้อ้างเอกสารสัญญาเช่าซื้อเป็นพยานเลย ดังนี้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นกรรมสิทธิ์ของนายบัณฑูรย์ ต่อมานายบัณฑูรย์ได้ทำสัญญาขายฝากให้แก่โจทก์มีกำหนด ๑ ปี ครบกำหนดแล้วไม่ไถ่กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวจึงตกเป็นของโจทก์โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยในที่พิพาทขนย้ายทรัพย์สินออกไป แต่จำเลยเพิกเฉยอยู่ต่อมาโดยละเมิดขอให้บังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทและให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๒,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตสมคบกับนายบัณฑูรย์ทำนิติกรรมขายฝากเป็นทางให้จำเลยซึ่งอยู่ในฐานะจดทะเบียนสิทธิได้ก่อนเสียเปรียบ เพราะโจทก์ทราบว่าขณะนั้นจำเลยชำระเงินให้แก่นายบัณฑูรย์ครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์จดทะเบียนเพิกถอนการขายฝาก ถ้าโจทก์ไม่ยอมให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า รับซื้อฝากที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจำเลยไม่อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคารและที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๕๐๐ บาทและให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยกล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นผู้เช่าซื้ออาคารและที่ดินรายพิพาทจากนายบัณฑูรย์ เลิศภูมิพิจารณ์ และชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วก่อนโจทก์รับซื้อฝากที่ดินรายพิพาทจากนายบัณฑูรย์ เลิศภูมิพิจารณ์ โจทก์กับนายบัณฑูรย์เลิศภูมิพิจารณ์ สมคบกันทำนิติกรรมขายฝากเป็นทางเสียเปรียบแก่จำเลย ซึ่งอยู่ในฐานะจดทะเบียนเสิทธิได้ก่อน แต่ทางพิจารณาจำเลยไม่มีเอกสารสัญญาเช่าซื้อและหลักฐานการชำระเงินค่าเช่าซื้อเป็นพยานนำสืบประกอบข้อกล่าวอ้างแต่อย่างใด สัญญาเช่าซื้อนั้นกฎหมายบังคับว่า ต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นเป็นโมฆะ จำเลยจะนำสืบว่ามีการเช่าซื้อโดยไม่มีเอกสารสัญญาเช่าซื้อมาแสดงหาได้ไม่ ตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยฉบับลงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๒๔ ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับนั้น คงระบุอ้างพยานบุคคลเพิ่มเติมเพียง ๒ ปาก ถึงแม้ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เพิ่มเติมได้ ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะจำเลยมิได้อ้างเอกสารสัญญาเช่าซื้อเป็นพยานเลย ที่จำเลยกล่าวในฎีกาว่า ถ้าศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมฉบับดังกล่าวได้ จำเลยก็จะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมอีกนั้น มิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share