คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยรับว่าได้ขุดทำนบซึ่งบุคคลใช้เป็นทางสาธารณะขาดออกกว้าง 7 วา ยาว 5 วาจริง แต่ต่อสู้ว่าไม่ได้ทำให้ทางสาธารณะเสียหายและไม่เป็นอันตรายต่อการจราจร ดังนี้ ทำนบซึ่งใช้เป็นทางสัญจรไปมานี้ เป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อจำเลยทำการขุดในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ถือได้ว่าจำเลยทำให้เสียหายย่อม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ส่วนที่จะผิดตามมาตรา 229 ด้วยหรือไม่นั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากพยานโจทก์เพียงว่าราษฎรไม่อาจเดินหรือใช้เกวียนบนทำนบนี้ได้ก่อนที่จะถมให้กลับคืนโดยไม่ปรากฏว่ามีลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรแต่อย่างใด ต้องถือว่าจำเลยได้ทำแต่เพียงให้ทางเสียหายใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น จำเลยจึงไม่ผิดตามมาตรา 229 ด้วย
ข้อที่จำเลยอ้างว่าจำเลยขุดทำนบเสียหายก็เพื่อระบายน้ำออกจากนาจำเลย มิฉะนั้นน้ำจะท่วมข้าวของจำเลยตายหมดนั้น ไม่พอจะก่อให้เกิดสิทธิอันเป็นความจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจขุดทำลายทำนบกั้นน้ำหนองขนุนซึ่งติดต่อกับที่ของจำเลยชำรุดเสียหายขาดออกกว้าง 7 วา ยาว 5 วา ในลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่การจราจรของประชาชนและเกวียนและทำให้ทำนบเสื่อมสภาพเพราะเป็นทำนบใช้กั้นน้ำหนองขนุนและใช้เป็นทางเดินสาธารณประโยชน์ไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ และได้บังอาจทำรั้วลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในหนองขนุนอันเป็นหนองสาธารณประโยชน์และได้ยึดถือครอบครองที่ที่จำเลยรุกล้ำเป็นเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษและได้ฝังท่อน้ำไม้แก่นในตัวทำนบดังกล่าวโดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครอง และมิได้รับอนุญาต นายเฉลิมปลัดอำเภอรักษาการแทนนายอำเภอบัวใหญ่ออกคำสั่งให้จำเลยรื้อลวดหนามและท่อน้ำไม้แก่นออกจำเลยทราบคำสั่งแล้วไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 229, 360, 368 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดฐานทำให้ทำนบสาธารณะเสียหายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 229, 360 ลงโทษปรับจำเลยตามมาตรา 229 ประกอบมาตรา 90เพียงบทเดียว

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยรับว่าได้ขุดทำนบซึ่งบุคคลใช้เป็นทางสาธารณะขาดออกกว้าง 7 วา ยาว 5 วาจริง แต่ต่อสู้ว่าไม่ได้ทำให้ทางสาธารณะเสียหายและไม่เป็นอันตรายต่อการจราจร ทำนบซึ่งใช้เป็นทางสัญจรไปมานี้เป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อจำเลยทำการขุดถือได้ว่าจำเลยทำให้เสียหายมีความผิดแล้ว แม้จะได้ความว่ามีการถมทำให้คืนดีดังเดิมแล้วก็ดี จำเลยหาพ้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ไปได้ไม่ และที่จำเลยอ้างว่าจำเลยไม่ได้ทำให้เกิดอันตายแก่การจราจรนั้น ข้อเท็จจริงได้ความจากพยานโจทก์เพียงว่าราษฎรไม่อาจเดินหรือใช้เกวียนบนทำนบนี้ได้ก่อนที่จะถมให้กลับคืนดี ได้ความเพียงเท่านี้ไม่ปรากฏว่ามีลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรแต่อย่างใด ต้องถือว่าจำเลยได้ทำแต่เพียงให้ทางเสียหายใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น จำเลยจึงไม่ควรมีความผิดตามมาตรา 229 ด้วยจำเลยต่อสู้อีกข้อหนึ่งว่า ที่จำเลยขุดทำนบรายนี้ก็เพื่อระบายน้ำออกจากนาจำเลย มิฉะนั้นน้ำจะท่วมข้าวของจำเลยตายหมด เป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็น จำเลยไม่ต้องรับโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามที่จำเลยอ้างนี้ไม่พอจะก่อให้เกิดสิทธิอ้างเป็นความจำเป็นตามมาตรา 67 ได้เพราะพฤติการณ์ยังไม่อยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้และยังไม่ใช่กรณีที่ต้องกระทำเพื่อให้พ้นจากอันตรายที่ใกล้จะถึง ฯลฯ และขณะนั้นก็ไม่ปรากฏว่าข้าวในนาของผู้อื่นที่ใกล้เคียงกับนาจำเลยจะถึงกับต้องเสียหายอย่างจำเลยอ้าง จำเลยจึงต้องมีความผิดจำเลยจะว่าได้กระทำความผิด เพราะความจำเป็นนั้นยังไม่ได้

พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360

Share