คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามฟ้องและคำให้การ ฟังได้ว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้จริง เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เจตนาลวงจำเลยให้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินซึ่งจำเลยไม่ได้กู้ เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนตามคำกล่าวแก้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินกู้ตามฟ้อง เป็นเงิน20,000 บาท กับดอกเบี้ยที่ค้าง 17 เดือน 2,125 บาท และให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในต้นเงินนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยที่ค้างเพียง16 เดือน 24 วัน ในต้นเงิน 20,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืน

ในข้อกฎหมาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องและคำให้การฟังได้ว่า จำเลยได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้จริง เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เจตนาลวงจำเลยให้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินซึ่งจำเลยไม่ได้กู้เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน

Share