คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กู้เงินธนาคารไปให้ ข.กับผู้อื่นหมุนซื้อที่ดิน ต่อมา ข. กับจำเลยทำสัญญากันว่า ข.ยอมยกที่ดินให้จำเลยและจำเลยยอมรับภาระชำระหนี้ที่โจทก์เป็นลูกหนี้ธนาคารอยู่นั้น ดังนี้ โจทก์ย่อมเป็นบุคคลากรภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มารตรา 375 ที่จะได้รับประโยชน์จากการชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวนั้น คือ จำเลยจำชำระหนี้ธนาคารแทนโจทก์ เมื่อโจทก์ได้แสดงเจตนารับประโยชน์ตามสัญญานั้นแล้ว แต่จำเลยไม่ปฎิบัติตามสัญญาทำให้โจทก์ต้อกู้เงินมาใช้หนี้ธนาคารเอง โจทก์ย่อมฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญานั้นแก่โจทก์ได้.

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ได้ทำสัญญากู้เงินธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด ไป ๓๐๐,๐๐๐ บาท คิดดอกเบี้ยทบต้น เงินจำนวนนี้ผู้อื่นนำไปหมุนซื้อที่ดิน ซึ่งหลวงชำนาญเนติศาสตร์มีส่วนร่วมด้วย ต่อมาหลวงชำนาญ ฯ ได้ทำสัญญาประนีประนอมกับจำเลยที่ ๑ โดยหลวงชำนาญยอมยกที่ดินหลายแปลงให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ยอมรับผิดขำระหนี้ซึ่งโจทก์เป็นลูกหนี้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซึ่ง ขณะนั้นค้างอยู่ ๓๖๗,๕๖๔.๘๖ บาท โดยจำเลยที่ ๑ จะปลดหนี้นั้นให้เสร็จไป โจทก์แสดงเจตนารับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างจำเลยที่ ๑ กับหลวงชำนาญฯ นี้แล้ว แต่ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา ภายหลังจำเลยที่ ๑ จึงโอนขายที่ดินให้โจทก์รับเงินที่ขายได้ไปชำระหนี้ธนาคาร ๓๐๐,๐๐๐ บาทแต่มิได้ชำระจำนวนที่ยังค้างอยู่ โจทก์ต้องทำสัญญากู้เงินจากธนาคารนั้นอีกครั้งโดยจำนองที่ดินแปลงหนึ่งเป็นประกัน เอาเงินที่กู้ใหม่นี้ใช้หนี้เดิม ๑๖๔,๒๕๑.๕๕ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๑๖๔,๒๕๑.๕๕ บาทนี้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า คดีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๔,๓๗๕ ซึ่งจำเลยเห็นว่าบุคคลภายนอกเป็นผู้รับประโยชน์ คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซึ่งจะได้รับชำระหนี้ที่จำเลยที่ ๑ รับภาระแทนโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๑ นึกถึงแต่เพียงหนี้ระหว่างโจทก์กับธนาคารเท่านั้น จึงเข้าใจไปว่าธนาคารเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้รับประโยชน์จากสัญญา จ.๒(ที่หลวงชำนาญ ฯ กับจำเลยที่ ๑ ทำกันไว้) แต่ที่จริงสัญญา จ.๒ ก่อให้เกิดหนี้ขึ้นอีกอันหนึ่งระหว่างหลวงชำนาญ ฯ กับจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีวัตถุแต่งหนี้เป็นการกระทำอันหนึ่ง คือ จำเลยที่ ๑ จะชำระหนี้ระหว่างโจทก์กับธนาคารแทนโจทก์ หนี้ตามสัญญาหมาย จ.๒ นี้ โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ คือ จำเลยที่ ๑ จะชำระหนี้แทน โจทก์จึงเป็นบุคคลภายนอกที่จะได้รับประโยชน์จากการชำระหนี้ตามสัญญาระหว่างหลวงชำนาญฯ กับจำเลยที่ ๑ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว(ว่าข้ออ้างของจำเลยตกไป) ผลที่สุด ศาลฎีกาพิพากษายืน.

Share