แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่มอบอำนาจให้ ช.ต่อสู้คดีไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลย แต่การที่ ช. ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ.
จำเลยนำสืบเอกสารหมาย ล.1 ถึงล.15 โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมา ดังนี้ เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 แล้ว เอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ขอให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสี่
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะจำเลยสั่งให้โจทก์ทั้งสี่ไปปฏิบัติงานต่างจังหวัดแต่โจทก์ทั้งสี่ปฏิเสธและไม่ยอมปฏิบัติงานเป็นการขัดคำสั่งและละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่โดยไม่ต้องจ่ายเงินตามฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษา ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้หนังสือมอบอำนาจของจำเลย ที่มอบอำนาจให้นายชูชัยต่อสู้คดีจะไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลยก็ตาม แต่การที่นายชูชัยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การที่นายชูชายต่อสู้คดีไว้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ
ศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเอกสารหมาย ล.๑ ถึง ล.๑๕ ซึ่งจำเลยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ (ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๘) ความว่า เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมา แล้วรับฟ้องเอกสารดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลแรงงานกลางได้ใช้อำนาจตามมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ แล้ว เอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้โดยชอบ
พิพากษายืน.