คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันแล้ว หากผู้ประกันไม่อุทธรณ์ คำสั่งดังกล่าวย่อมถึงที่สุด ผู้ประกันจะมายื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งปรับผู้ประกันและคืนหลักประกันในภายหลังอีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ระหว่างการพิจารณาผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว ศาลชั้นต้นอนุญาตตีราคาประกัน ๖๐,๐๐๐ บาท และผู้ประกันได้ทำสัญญาประกันไว้ เมื่อศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๒๘ จำเลยไม่มาศาล ผู้ประกันยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าจำเลยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์นัดต่อมาวันที่ ๔ กรกฎาคม๒๕๒๘ จำเลยไม่มาศาล ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีก อ้างว่าจำเลยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่โจทก์และโจทก์ร่วมแถลงคัดค้านว่าจำเลยได้หลบหนีไปแล้ว เพราะถูกศาลออกหมายจับในคดีอื่น ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยจริงและฟังตามคำแถลงของโจทก์และโจทก์ร่วมแล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกัน ให้ปรับผู้ประกันหมายจับจำเลย และให้จำหน่ายคดีชั่วคราว ได้มีการชำระค่าปรับแล้ว
ต่อมาวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๒๙ จำเลยถูกจับ ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป และระหว่างการพิจารณาผู้ประกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันนั้นไม่ชอบ เพราะไม่ได้ให้โอกาสผู้ประกันมีเวลานำตัวจำเลยส่งศาล และจำเลยอ้างว่าป่วยมีใบรับรองแพทย์มาแสดง หากศาลไม่เชื่อก็ชอบที่จะเผชิญสืบ ขอให้ยกเลิกคำสั่งปรับผู้ประกันและคืนหลักประกัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ประกันอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งปรับผู้ประกันเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๒๘ นั้น ผู้ประกันมิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว คำสั่งดังกล่าวจึงถึงที่สุด ไม่มีกรณีจะต้องรื้อฟื้นไต่สวนคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นอีกคำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๒๙ ที่ปฏิเสธไม่ยอมเพิกถอนคำสั่งปรับผู้ประกันและคืนหลักประกันโดยให้ยกคำร้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share