แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งเรียกเงินตามสัญญา จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนิติกรรมอำพราง ศาลฎีกาพิพากษาว่าไม่ใช่นิติกรรมอำพรางให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ระหว่างบังคับคดีจำเลยได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่ง อ้างว่าการที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เป็นลาภมิควรได้ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้อง ดังนี้ การฟ้องคดีของจำเลยหาเป็นละเมิดต่อโจทก์ไม่ โดยข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่ารูปคดีเป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนนั้น คดีจะเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ยากที่จำเลยซึ่งมิใช่นักกฎหมายจะเข้าใจ การฟ้องของจำเลยจึงเป็นการใช้สิทธิเพื่อรักษาประโยชน์ของตนตามความคิดเห็นว่าจะชนะคดี หาใช่เป็นการกลั่นแกล้งโดยมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว อันเป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๖๖๒๑/๒๕๒๐ ในข้อหาเรียกเงินตามสัญญา จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาดังกล่าวเป็นนิติกรรมอำพราง ศาลฎีกาพิพากษาว่าสัญญาดังกล่าวไม่ใช่นิติกรรมอำพรางให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ระหว่างบังคับคดีจำเลยนำประเด็นเดียวกันมาฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่งอีก ซึ่งศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องเพราะเป็นฟ้องซ้ำ ตามคดีหมายเลขแดงที่ ๑๑๖๗๙/๒๕๒๓ ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตคิดแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การฟ้องคดีของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์เสียหายต้องจ้างทนายแก้ต่างเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยใช้เงิน
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้แกล้งฟ้อง จำเลยฟ้องคดีตามหลักฐานในเอกสารสัญญา ศาลฎีกาพิพากษาในคดีเดิมให้จำเลยใช้หนี้โจทก์ ขัดต่อเอกสารดังกล่าวซึ่งระบุว่าถ้าขายหรือจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๔๐๐ ยังไม่ได้ โจทก์จะเรียกค่าเสียหาย ๓๕๐,๐๐๐ บาท ไม่ได้เป็นอันขาด เงินที่โจทก์ได้รับไปตามคำพิพากษาจึงเป็นลาภมิควรได้จำเลยมีสิทธิเรียกคืน การที่จำเลยฟ้องโจทก์จึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตและไม่เป็นฟ้องซ้ำ คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ยังไม่รู้ผลโจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่ารูปคดีเป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนนั้น คดีจะเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ยากที่จำเลยซึ่งมิใช่นักกฎหมายจะเข้าใจ การฟ้องคดีของจำเลยจึงเป็นการใช้สิทธิเพื่อรักษาประโยชน์ของตนตามความคิดเห็นว่าจะชนะคดี อันเป็นการกระทำที่ประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้นโดยสุจริต หาใช่เป็นการแกล้งโดยมุ่งต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้นโดยสุจริต หาใช่เป็นการแกล้งโดยมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๑ ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน