คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์แต่งทนาย 2 คน ในวันนัดสืบพยานครั้งแรกตัวโจทก์และทนายไม่มาศาลทนายโจทก์คนหนึ่งมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วย แม้ทนายโจทก์อีกคนหนึ่งมิได้แจ้งเหตุขัดข้องแต่อย่างใด ก็เป็นเพียงความบกพร่องในการเขียนคำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์ ซึ่งทนายโจทก์ที่ขอเลื่อนน่าจะได้แจ้งให้ทนายโจทก์อีกคนหนึ่งทราบเพื่อจะได้ดำเนินคดีแทนตนได้ เมื่อเป็นการเลื่อนคดีครั้งแรก จะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ยังไม่ถนัด ทั้งโจทก์เป็นฝ่ายฟ้องคดี ไม่มีเหตุผลที่จะฟังได้ว่าโจทก์ประวิงคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกคนได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 1924 ตำบลสวนพริกไทย อำเภอเมือง (เชียงราก) จังหวัดปทุมธานีให้แก่โจทก์ในราคา 299,600 บาท โจทก์วางมัดจำไว้ 50,000 บาท นัดไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานีในวันที่ 10 มีนาคม 2521หากผิดนัดยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 150,000 บาท ถึงวันนัดจำเลยทั้งหกคนไม่ไปทำการโอนที่ดินให้แก่โจทก์ตามสัญญา โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยทั้งหกคนไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ในวันที่ 10 ตุลาคม2521 แต่จำเลยทั้งหกคนเพิกเฉย จึงขอให้จำเลยทั้งหกคนร่วมกันใช้ค่าเสียหาย150,000 บาท พร้อมทั้งโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงพิพาทแก่โจทก์ หากไม่ยอมโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และหากไม่อาจโอนกรรมสิทธิ์ได้ก็ให้จำเลยทั้งหกคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายรวม 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 150,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ศาลอนุญาต

จำเลยที่ 1, 2, 4, 5 และที่ 6 ให้การร่วมกันว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับโจทก์จริง แต่โจทก์เป็นผู้ผิดนัดเพราะไม่ไปชำระเงินและรับโอนตามตามสัญญา ฝ่ายจำเลยจึงริบมัดจำ 50,000 บาทตามสัญญา และว่าโจทก์ไม่เสียหาย หากเสียหายไม่เกิน 1,000 บาท

ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานแล้วกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และโจทก์เสียหายหรือไม่ จำนวนเท่าใด โดยโจทก์มีหน้าที่นำสืบและนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 30 มกราคม 2522 เวลา 8.30 นาฬิกาครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยมาศาล นายศิริชัยโจทก์ นายวสันต์ และนายชัยรัตน์ทนายโจทก์ไม่มาศาล โดยนายวสันต์มอบฉันทะให้นางสาวสุรีย์เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลอ้างว่าป่วยด้วยโรคท้องร่วงอย่างแรงไม่สามารถว่าความได้ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี มีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยที่ 1, 2, 4, 5 และที่ 6 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จริงอยู่แม้โจทก์จะมีทนายดำเนินคดีว่าต่างโจทก์ถึง 2 คน ก็ปรากฏว่านายวสันต์ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วยทั้งเป็นการเลื่อนคดีครั้งแรก แม้นายชัยรัตน์ทนายโจทก์อีกคนหนึ่งจะมิได้แจ้งเหตุขัดข้องแต่อย่างใด ก็เป็นเพียงความบกพร่องในการเขียนคำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์ซึ่งนายวสันต์น่าจะได้แจ้งให้นายชัยรัตน์ทราบ เพื่อที่จะได้ดำเนินคดีแทนตนได้ลำพังเพียงเท่านี้จะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบจึงยังไม่ถนัดทั้งโจทก์เป็นฝ่ายฟ้องคดีไม่มีเหตุที่จะฟังได้ว่า โจทก์ประวิงคดีดังข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share