คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1520/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยใช้ไม้ตีทำร้ายผู้เสียหายสามคนในระยะเวลาติดต่อกันนั้น ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อโจทก์ฟ้องและศาลลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายคนหนึ่งแล้ว คดีก็ย่อมเสร็จเด็ดขาดไปเฉพาะกระทงความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายคนนั้นเท่านั้นส่วนกระทงความผิดที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายอื่นยังหาได้มีการพิจารณาพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปไม่ โจทก์จึงฟ้องจำเลยอีกได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๕ เวลากลางคืนหลังเที่ยง มีผู้แจ้งความต่อพลตำรวจประเสริฐ กับนายภักดิ์ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานว่า นายฉุยถูกทำร้ายร่างกายนายภักดิ์กับพลตำรวจประเสริฐกับนายสงวนจึงไปที่เกิดเหตุเพื่อสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดตามหน้าที่ ตามวันเวลาดังกล่าวแล้ว ขณะที่นายภักดิ์กับพวกสอบถามและพยาบาลนายฉุยอยู่นั้น จำเลยบังอาจใช้ไม้เป็นอาวุธตีทำร้ายร่างกายนายภักดิ์ถูกที่หน้าผากและเหนือสบักขวา แล้วจำเลยบังอาจใช้ไม้ดังกล่าวแล้วตีทำร้ายร่างกายนายสงวนถูกกลางท้ายทอย และเหนือสบักขวา เป็นเหตุให้คนทั้งสองเกิดอันตรายแก่กาย นอกจากนี้จำเลยยังได้บังอาจตีทำร้ายร่างกายพลตำรวจประเสริฐจนได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ซึ่งได้แยกฟ้องจำเลยต่อศาลทหารกรุงเทพฯ(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ) ในวันเดียวกันที่ยื่นฟ้องคดีนี้ เหตุเกิดที่ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕,๒๙๖
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียววาระเดียวกัน ไม่ใช่แยกเป็นต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและศาลทหารกรุงเทพ (ศาลจังหวัดสมุทรปราการ) ได้พิพากษาลงโทษจำเลย คดีเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว สิทธิจะนำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙ (๔)
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรณีต่างกรรมต่างวาระกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาแล้ว ปรากฎว่า จำเลยใช้ไม้เป็นอาวุธตีทำร้ายนายภักดิ์แล้วจึงตีทำร้ายนายสงวนและใช้ไม้ตีทำร้ายพลตำรวจประเสริฐอีกด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายแต่ละคน ก็เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามกฎหมาย ไม่เหมือนกับการทำร้ายครั้งเดียว เช่นยกไม้ฟาดไปทีเดียวแต่ไม้ไปถูกคนสองคน เห็นได้ว่าการยกไม้ขึ้นฟาดลงไปนั้นเป็นการกระทำครั้งเดียวกรรมเดียว แต่ผลที่เกิดขึ้นทำให้คนถูกทำร้ายร่างกายถึงสองคน ต่างกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ ซึ่งจำเลยยกไม้ขึ้นตี ๓ ครั้ง ถูกคน ๓ คน ทั้งสามคนได้รับบาดเจ็บ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยต่างกรรมต่างวาระกัน การที่ศาลทหารกรุงเทพ(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ) ได้ทำการพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้วนั้น คดีเสร็จเด็ดขาดไปเฉพาะความผิดในกระทงที่ทำร้ายร่างกายพลตำรวจประเสริฐเท่านั้นส่วนกระทงความผิดที่จำเลยกระทำแก่ผู้เสียหายในคดีนี้ยังหาได้มีการพิจารณาพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปไม่ สิทธินำคดีมาฟ้องจึงยังไม่ระงับไป
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share