คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งรับราชการทหารมีอาวุธปืนของราชการทหาร เพื่อนำไปปฏิบัติหน้าที่สารวัตรนั้น ถือว่าจำเลยมีไว้ทางราชการทหารไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แม้จะเอาปืนนั้นไปเพื่อก่อการร้ายก็ตาม.

ย่อยาว

ความว่าจำเลยทั้ง ๓ เป็นทหารประจำกองสารวัตรทหารเรือ เย็นวันหนึ่ง จำเลยที่ ๒ ขอเบิกปืนกลและกระสุนจากจ่าเอกพัน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมอาวุธยุทธภัณฑ์ ของกองสารวัตรไปบอกว่า จะไปดักจับคนนำของหนีภาษี โจทก์ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.๒๔๙๐ ม.๗,๘,๗๒
จำเลยทั้ง ๓ ให้การปฏิเสธ
ศาลทหารกรุงเทพฯ ให้จำคุกคนละ ๔ ปี ลดกึ่งเหลือคนละ ๒ ปี กรรมการนายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าจำเลยทั้ง ๓ ไม่ผิด ควรปล่อย
ศาลทหารกลางพิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ คนเดียวตามที่ศาลเดิมกำหนดโทษ จำเลยนอกนั้นไม่มีความผิด
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จ่าพันจ่ายปืนกลและกระสุนให้จำเลยที่ ๒ ไปโดยเข้าใจว่าจ่ายในกรณีพิเศษ เพื่อจำเลยที่ ๒ นำไปปฏิบัติหน้าที่สารวัตร พ.ร.บ.อาวุธปืน ๒๔๙๐ ม.๕(๑) มีว่า อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนของราชการทหารนั้น พระราชบัญญัติอาวุธปืนมิให้ใช้บังคับในทางราชการทหาร จึงไม่มีความผิด ตลอดทั้งจำเลยที่ ๑ และที่ ๓
ที่จำเลยทั้ง ๓ ถูกจับเพราะตำรวจสงสัยว่าจะไปก่อการร้ายก็ดี ที่จำเลยที่ ๒ ยื่นคำแถลงขอรับสารภาพเมื่อสืบพะยานเสร็จแล้วก็ดี ก็ไม่ทำให้การกระทำที่ไม่ผิดกลับเป็นผิดขึ้นได้
พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ด้วย.

Share