คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับ บ. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีอื่นแบ่งนาพิพาทให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ต่อมาโจทก์จะเข้าทำนาในส่วนที่ได้รับแบ่ง จำเลยขัดขวาง โจทก์จึงฟ้องจำเลยขอให้พิพากษาแสดงว่าส่วนแบ่งเป็นของโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์จะเข้าทำนาในส่วนของโจทก์ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาแก่จำเลยว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาระหว่างจำเลยกับ บ. แล้ว สิทธิของโจทก์จึงย่อมเกิดมีขึ้น จำเลยหาอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธินั้นในภายหลังได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ 1 เป็นบุตรนายบุญไตรสงคราม จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน เมื่อ พ.ศ. 2510 นายบุญและจำเลยที่ 2 ได้ยกที่นาให้แก่โจทก์ทั้งสองกับนายเฮียน โดยนายบุญและจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลแบ่งนาออกเป็น 5 ส่วนเท่า ๆ กันให้จำเลยที่ 2 ได้หนึ่งส่วนทางด้านทิศเหนือโจทก์ที่ 2 ได้ถัดจากจำเลยที่ 2 ไปทางทิศใต้ นายเฮียนได้ถัดจากโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 1 ได้ตอนใต้สุดถัดจากนายเฮียน พ.ศ. 2511โจทก์ทั้งสองและนายเฮียนจะเข้าทำนาส่วนของโจทก์ จำเลยทั้งสองขัดขวางไม่ยอมให้โจทก์เข้าทำ จำเลยทั้งสองได้ทอดกล้าลงในนาส่วนได้ของโจทก์ที่ 2 ด้วย ขอให้พิพากษาแสดงว่าที่นาตามแผนที่สังเขปของจ่าศาล ส่วนที่ 2 เป็นของโจทก์ที่ 2 และส่วนที่ 4 เป็นของโจทก์ที่ 1

จำเลยทั้งสองให้การว่า นาพิพาททั้งหมดเป็นของจำเลยที่ 1โดยนายบุญยกให้ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมา 12 ปีแล้ว มีชื่อใน ส.ค.1 และเสียภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมา จำเลยที่ 2 เป็นสามีจำเลยที่ 1 โดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยที่ 1 ไม่เคยมอบหมายหรือยินยอมในการที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญากับนายบุญแบ่งที่นาของจำเลยที่ 1 ให้และบุคคลอื่น จำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่นาพิพาทส่วนที่ 2 เป็นของโจทก์ที่ 2และส่วนที่ 4 เป็นของโจทก์ที่ 1

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายบุญไม่เคยยกนาพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 นายบุญไม่ทราบว่าจำเลยเอานาพิพาทไปแจ้ง ส.ค.1 และเพิ่งมาทราบความเมื่อนายบุญจะฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีที่ยอมความกันก่อนที่จำเลยที่ 2 จะไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายบุญในคดีดังกล่าว จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ย่อมทราบเรื่องราวแห่งคดีนั้นเป็นอย่างดี และได้ปรึกษาหารือซึ่งกันและกันถึงทางได้ทางเสียของตนในการที่จะดำเนินคดีอย่างไร เมื่อนายบุญยังมิได้ยกที่นาพิพาททั้งแปลงให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 กับนายบุญจึงผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความของศาลและตามคำพิพากษาตามยอมแห่งคดีนั้นในอันที่จะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก กล่าวคือในการที่จะแบ่งนาพิพาทให้โจทก์ทั้งสองได้คนละส่วนในส่วนแบ่งทั้งหมด 4 ส่วนตามข้อตกลงในคดีนั้น โจทก์ทั้งสองซึ่งอยู่ในฐานะบุคคลภายนอกมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากจำเลยที่ 2 โดยตรงได้ ตามข้อเท็จจริงในคดี ถือได้ว่า โจทก์ทั้งสองได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ 2 ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาระหว่างจำเลยที่ 2 กับนายบุญนั้นแล้ว สิทธิของโจทก์ทั้งสองจึงย่อมเกิดมีขึ้นแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374จำเลยที่ 2 หาอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธินั้นในภายหลังได้ไม่ ตามมาตรา 375 โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิเรียกส่วนที่ดินดังกล่าวข้างต้นจากจำเลยที่ 2 ได้ พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share