คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้สันไม้แปขนาดหน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 1 นิ้ว ยาวประมาณ1 เมตร ตีผู้ตายอย่างแรง 1 ที ที่บริเวณคางด้านขวา บาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว 7 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึก 5 เซนติเมตร ขากรรไกรขวาหักดั้งจมูกยุบ ปลายจมูกฉีกขาด บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้ การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใดเช่นนี้ ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ไม้กระดานเนื้อแข็งเป็นอาวุธตี นายสนิทผู้ตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑๕ ปี จำเลยให้การชั้นจับกุมและชั้นพิจารณาว่าใช้ไม้ตีผู้ตายจริง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษหนึ่งในสาม เหลือจำคุก ๑๐ ปี ไม้ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ จำคุก ๔ ปี ลดโทษหนึ่งในสามเหลือจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ตายกับจำเลยมีปากเสียงโต้เถียงกันสักครู่หนึ่งจำเลยได้ใช้สันไม้แปขนาดกว้าง ๔ นิ้ว หนา ๑ นิ้วยาวประมาณ ๑ เมตร ตีผู้ตาย ๑ ทีที่บริเวณคางด้านขวา บาดแผลเฉียงขึ้นไปทางดั้งจมูกยาว ๗ เซนติเมตร กว้าง ๒ เซนติเมตร ลึก ๕เซนติเมตร ขากรรไกรขวาหัก ดั้งจมูกยุบ ปลายจมูกฉีกขาด แสดงว่าจำเลยตีผู้ตายโดยแรง ได้ความต่อไปว่าจำเลยจับไม้สองมือแล้วตีไป ขณะนั้นมีแสงสว่างจากกองไฟพอที่จะเห็นเหตุการณ์ในบริเวณนั้นได้ซึ่งจำเลยก็ย่อมจะมีโอกาสเลือกตีผู้ตายได้อยู่ การที่จำเลยตีผู้ตายที่บริเวณคางซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายแทบจะทันทีทันใด เช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยได้ตีผู้ตายโดยเจตนาฆ่า จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยและบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share