คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19376/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยและขอแบ่งสินสมรส ประเด็นทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสหรือไม่ คู่ความมิได้ฎีกา ประเด็นดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ทรัพย์พิพาทใดเป็นสินสมรสของโจทก์กับจำเลย คำพิพากษาย่อมผูกพันคู่ความ ประเด็นชั้นฎีกาจึงมีเพียงว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยหรือไม่ ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะ ประเด็นฟ้องหย่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อโจทก์ถึงแก่ความตายจึงมีผลทำให้การสมรสย่อมสิ้นสุดลงก่อนที่คำพิพากษาให้หย่า จะถึงที่สุด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1501 คดีจึงไม่มีประโยชน์ต้องพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าต่อไปอีกหรือไม่ ทั้งโจทก์ซึ่งเป็นผู้ฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรสถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณาต้องแบ่งทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสที่มีอยู่นับแต่เวลาที่การสมรสสิ้นสุดไปด้วยเหตุความตาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1625 จึงไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน ให้จำเลยแบ่งสินสมรส คือที่ดินโฉนดเลขที่ 10055 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินโฉนดเลขที่ 45720, 45721 เงินฝากธนาคารและเงินสด ประมาณ 30,000,000 บาท รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเบ็นซ์ รุ่น 240 อี หมายเลขทะเบียน ภม 9990 กรุงเทพมหานคร รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเบ็นซ์ รุ่น ซี 180 หมายเลขทะเบียน พอ 555 กรุงเทพมหานคร รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อวอลโว่ รุ่นเอส 80 หมายเลขทะเบียน วฐ 78 กรุงเทพมหานคร และทรัพย์สินอื่น
ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยซึ่งอยู่ในระหว่างรวบรวมให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ให้จำเลยแบ่งสินสมรส คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 10055, 45720, 45721, 16600, 16601 และ 16602 ห้องชุดเลขที่ 672/125 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเบ็นซ์ รุ่น 240 อี หมายเลขทะเบียน ภม 9990 กรุงเทพมหานคร รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อเบนซ์ รุ่น ซี 180 หมายเลขทะเบียน พอ 555 กรุงเทพมหานคร รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อวอลโว่ รุ่นเอส 80 หมายเลขทะเบียน วฐ 78 กรุงเทพมหานคร ให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ถ้าการแบ่งเช่นนี้ไม่อาจกระทำได้หรือจะทำให้ทรัพย์สินนั้นเสียหายมาก ให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลยก่อน หากตกลงกันไม่ได้ให้นำทรัพย์สินดังกล่าวออกขายทอดตลาด และให้จำเลยชำระเงินสินสมรสจำนวน 18,696,361.87 บาท ให้โจทก์กึ่งหนึ่ง กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ประเด็นทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสหรือไม่นั้น คู่ความมิได้ฎีกา ประเด็นการแบ่งสินสมรสดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าทรัพย์พิพาทใดเป็นสินสมรสของโจทก์กับจำเลย คำพิพากษาผูกพันคู่ความจึงมีประเด็นชั้นฎีกาจึงมีเพียงว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยหรือไม่
แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา นายยุทธนา ผู้ร้อง ซึ่งเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์และจำเลย ยื่นคำร้องว่าโจทก์ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะ เห็นว่า ตามสำเนามรณบัตรที่ผู้ร้องอ้างส่งเป็นหลักฐานฟังได้ว่า โจทก์ถึงแก่ความตายวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจริงซึ่งประเด็นฟ้องหย่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อโจทก์ถึงแก่ความตายจึงมีผลทำให้การสมรสย่อมสิ้นสุดลงก่อนที่คำพิพากษาให้หย่าจะถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501 คดีจึงไม่มีประโยชน์ต้องพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าต่อไปอีกหรือไม่ ทั้งโจทก์ซึ่งเป็นผู้ฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรสถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณา ต้องแบ่งทรัพย์สินระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสที่มีอยู่นับแต่เวลาที่การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1625 ด้วย จึงไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ซึ่งถึงแก่ความตายได้ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ให้จำหน่ายคดีจำเลยออกจากสารบบความศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งศาลให้เป็นพับ

Share