คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 รับราชการเป็นบุรุษไปรษณีย์ ได้ขับรถยนต์ของกรมไปรษณีย์ฯจำเลยที่ 2 ไปเก็บไปรษณีย์ภัณฑ์ตามตู้ไปรษณีย์ตามหน้าที่ และจอดรถไว้ที่ขอบถนน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมการจราจรบอกให้จำเลยที่ 1 ไปจอดรถบนไหล่ถนน เพราะการจราจรคับคั่งจำเลยที่ 1 ด่าโจทก์แล้วกลับไปขึ้นรถ โจทก์ตามไปยืนเอามือเท้าขอบประตูรถตรงที่นั่งคนขับและชะโงกศีรษะเข้าไปในรถแจ้งข้อหาว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงาน จำเลยที่ 1 ขับรถออกไปโดยเร็วและผลักโจทก์ตกจากรถ ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บ การที่จำเลยที่ 1 ขัดขวางการจับกุมโดยขับรถเคลื่อนออกไปและผลักโจทก์ตกจากรถจนได้รับบาดเจ็บนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยที่ 1 และเป็นการทำร้ายร่างกายกันโดยเฉพาะ มิได้เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 และไม่ได้เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 รับราชการเป็นบุรุษไปรษณีย์ มีหน้าที่ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปเก็บไปรษณีย์ภัณฑ์ตามตู้ไปรษณีย์ จำเลยที่ 1 ได้ขับรถไปหยุดริมถนนเพื่อลงไปไขตู้ไปรษณีย์ ขณะนั้นเป็นเวลาที่การจราจรคับคั่ง การหยุดรถของจำเลยที่ 1 ทำให้การจราจรติดขัดโจทก์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งสารวัตรปกครองป้องกัน มีหน้าที่ดูแลการจราจรในเขตท้องที่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 1 เคลื่อนรถไปจอดบนไหล่ถนนจำเลยที่ 1 ได้กล่าวคำหยาบหมิ่นประมาทโจทก์และผละจากตู้ไปรษณีย์เพื่อจะขับรถหนี โจทก์ได้ตามไปประชิดรถแล้วแจ้งข้อหา จำเลยที่ 1 ได้เคลื่อนรถออกไปโดยเร็ว รถจึงลากโจทก์ได้ด้วย และจำเลยที่ 1 ผลักโจทก์โดยแรง โจทก์ล้มฟาดถนนได้รับอันตรายสาหัส ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลและเสียหายแก่กายรวมเป็นเงิน 31,000 บาท ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำละเมิดและโจทก์ไม่ได้เสียหายมากดังฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ จำเลยที่ 2 ไม่ต้องร่วมรับผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2

โจทก์ฎีกา

ในปัญหาที่ว่า จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในการละเมิดร่วมกับจำเลยที่ 1 หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นข้าราชการอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 และในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปเก็บไปรษณีย์ภัณฑ์ตามตู้ไปรษณีย์ อันเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1 ด่าหมิ่นประมาทโจทก์ เมื่อโจทก์จะเข้าทำการจับกุมในข้อหาหมิ่นประมาทจำเลยที่ 1 ได้ขัดขวางไม่ให้โจทก์ทำการจับกุม โดยขับรถเคลื่อนออกไปและผลักโจทก์ตกจากรถได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยที่ 1 และเป็นการทำร้ายร่างกายกันโดยเฉพาะมิได้เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 และไม่ได้เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1

พิพากษายืน

Share