แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ค่ารักษาทรัพย์ เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งศาลอาจจะพิจารณาสั่งให้ได้ตามที่เห็นสมควรตาม ป.วิ.พ.มาตรา 161.
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์ร้องขอยึดทรัพย์ (ช้าง ๑ เชือก) ก่อนพิพากษา ศาลสั่งอนุญาต ผู้ร้องจัดทรัพย์รับเป็นผู้รักษาช้างโดยมีผู้ค้ำประกันตามเสียหาย โจทก์จำเลยยินยอมและศาลสั่งให้เป็นไปตามที่ตกลงกันให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ ๒๐ พ.ย. ๒๔๙๗ แต่ก็หาได้มีการปฏิบัติไปตามความตกลงและตามคำสั่งศาลไปโดยผู้ค้ำประกันก็มิได้เข้ามาค้ำประกันจริงเจ้าพนักงานบังคับดีก็มิได้ไปจัดการเอาช้างจากนายกิจ ผู้รักษาทรัพย์คนเดิมมามอบให้ผู้ร้องรักษาและไม่มีใครร้องต่อศาลให้ดำเนินการอย่างไรเลย
ศาลชั้นต้นคิดค่ารักษาให้นายกิจ เพียงวันที่ ๓ มิ.ย. ถึง ๑๙ พ.ย. ๒๔๙๗ รวม ๑๗๐ วัน ๆ ละ ๒๐ บาทเป็นเงิน ๓,๔๐๐ บาท
นายกิจ ผู้รักษาทรัพย์อุทธรณ์ขอให้สั่งโจทก์หรือผู้ร้องขัดทรัพย์จ่ายค่ารักษาช้างให้อีกตั้งแต่วันที่ ๒๐ พ.ย. ๒๔๙๗ จนถึง วันยื่นฟ้องอุทธรณ์รวม ๘๗๐ วัน เป็นเงิน ๑๗,๔๐๐ บาท เพราะนายกิจต้องรักษาช้างตลอดมา โดยนายกิจมิได้ตกลงรับรู้ในการที่ผู้ร้องขัดทรัพย์จะรับช้างไปรักษาตั้งแต่วันที่ ๒๐ พ.ย. ๒๔๙๗ ด้วย และก็ไม่มีใครมารับช้างคืนไปจากนายกิจเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้โจทก์จ่ายค่ารักษาทรัพย์แก่นายกิจ เพิ่มขึ้นอีก ๓,๓๓๐ บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นายกิจผู้รักษาทรัพย์และโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ค่ารักษาทรัพย์เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งศาลอาจจะพิจารณาสั่งให้ได้ตามที่เห็นสมควร ตามป.วิ.พ. มาตรา ๑๖๑ และเมื่อพิจารณาโดยทั่วไปแล้ว เห็นว่าไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะพึงแก้ไข
พิพากษายืน.