แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้งสองฉบับไปแสดงแก่ผู้เสียหายเพื่อขอรับเงินเบี้ยประกัน ถือได้ว่ามีเจตนาให้ผู้เสียหายจ่ายเงินตามเบี้ยประกันตามกรมธรรม์ซึ่งเป็นเอกสารปลอมแต่ละฉบับแยกจากกันเป็นคนละส่วนคนละจำนวน แม้จำเลยจะกระทำในครั้งเดียวกันก็เป็นความผิดที่เกิดขึ้นต่างหากแยกจากกันได้โดยชัดเจน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 264, 265, 268 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมเป็นจำคุก 2 ปี ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า กระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ในวันและเวลาเกิดเหตุตามฟ้องมีคนร้ายทำปลอมซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยที่บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ออกให้แก่บริษัทเมืองนิมิตร จำกัด ผู้เสียหาย รวม 2 ฉบับ ตามวิธีการที่โจทก์บรรยายในฟ้อง ต่อมาจำเลยซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนและนายหน้าบริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวไปแสดงแก่ผู้เสียหายเพื่อขอรับเงินเบี้ยประกันทั้งที่รู้ว่าเป็นเอกสารปลอม
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือความผิดหลายกรรมต่างกัน พิเคราะห์แล้วปัญหาดังกล่าวศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้เห็นว่าจำเลยนำกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้ง 2 ฉบับ ตามฟ้องไปแสดงแก่ผู้เสียหายเพื่อขอรับเงินเบี้ยประกันในครั้งเดียวกันหรือต่างครั้งกัน จึงต้องฟังว่ามีการแสดงกรมธรรม์ทั้ง 2 ฉบับ ดังกล่าวเพื่อขอรับเงินเบี้ยประกันในครั้งเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมเพียงกรรมเดียว โจทก์ฎีกาว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยนำกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้ง 2 ฉบับ ตามฟ้องไปแสดงแก่ผู้เสียหายเพื่อขอรับเงินเบี้ยประกันต่างครั้งกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เห็นว่า การที่จำเลยนำกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้ง 2 ฉบับ ตามฟ้องไปแสดงแก่ผู้เสียหายเพื่อขอรับเงินเบี้ยประกันถือได้ว่ามีเจตนาให้ผู้เสียหายจ่ายเงินเบี้ยประกันตามกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นเอกสารปลอมแต่ละฉบับแยกจากกันเป็นคนละส่วนคนละจำนวน แม้จำเลยจะกระทำในครั้งเดียวกันตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ยังถือว่าเป็นความผิดที่เกิดขึ้นต่างหากแยกจากกันได้โดยชัดเจนเป็นการเฉพาะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์มิได้ยกขึ้นอ้างในฎีกา แต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และเมื่อโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดโดยกล่าวอ้างว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยนำกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้ง 2 ฉบับ ตามฟ้องไปแสดงแก่ผู้เสียหายเพื่อขอรับเงินเบี้ยประกันต่างครั้งกัน อันถือเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้ กรณีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยนำกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้ง 2 ฉบับ ตามฟ้องไปแสดงแก่ผู้เสียหายเพื่อขอรับเงินเบี้ยประกันต่างครั้งกันตามที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์