แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้จำเลยทำยอมชำระหนี้โดยดี ในระหว่างนั้นผู้รับจำนองได้ฟ้องบังคับจำนองเอากับจำเลยบ้าง จำเลยทำยอมต่อศาลว่ายอมชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้ภายในกำหนด ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดยอมให้ที่นา 2 แปลงที่จำนองไว้หลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง ดังนี้ ตามสัญญาประนีประนอมดังกล่าว ยังหามีผลให้นา 2 แปลงหลุดเป็นกรรมสิทธิแก่ผู้รับจำนองทันทีไม่หากแต่มีเงื่อนไขยอมให้หลุดเป็นสิทธิเมื่อไม่ใช้หนี้ภายในกำหนดฉะนั้น ถ้าเจ้าหนี้เงินกู้นำยึดมา 2 แปลงนี้ เพื่อ ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ของตน ก่อนกำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความ ระหว่างผู้รับจำนองและจำเลยแล้ว ผู้รับจำนองก็มาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่นา 2 แปลงนั้นไม่ได้ เพราะขณะนำยึดนา 2 แปลงนั้นยังเป็นของจำเลยอยู่
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย ๆ ทำยอมใช้เงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์ ถึงกำหนดจำเลยไม่ใช้ โจทก์จึงนำยึดที่นา ๒ แปลง เพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้อง ร้องขัดทรัพย์ว่าจำเลยได้จำนองที่นา ๒ แปลงรายนี้ไว้แก่ผู้ร้อง ๆ ฟ้องบังคับจำนอง จำเลยยอมต่อศาลชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทนรวม ๑,๖๐๐ บาทให้ภายใน ๑ เดือน ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดยอมให้ที่นา ๒ แปลงนั้นหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้ร้องจำเลย ไม่นำเงินมาชำระตามกำหนด ผู้ร้องขอให้ศาลบังคับจำเลยทำการโอนกรรมสิทธินา ๒ แปลงนี้ให้ผู้ร้อง แต่จำเลยกลับหลบหนีไปพ้นเขตอำนาจศาลเสีย ผู้ร้องจึงถือว่านา ๒ แปลงนี้เป็นกรรมสิทธิของผู้ร้องแล้ว ขอให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดเสีย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า นารายพิพาทยังไม่ตกเป็นสิทธิของผู้ร้อง โจทก์มีสิทธิยึดมาขายใช้หนี้แก่โจทก์ได้ พิพากษาให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมดังกล่าวยังหามีผลให้นา ๑ แปลงนี้หลุดเป็นสิทธิหรือกรรมสิทธิแก่ผู้ร้องทันทีไม่ หากแต่มีเงื่อนไขยอมให้หลุดเป็นสิทธิหรือกรรมสิทธิเมื่อไม่ใช้หนี้ภายในกำหนด คือวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ แต่เรื่องนี้โจทก์นำยึดตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๔๙๓ ซึ่งขณะนั้นนา ๒ แปลงนี้ยังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิยึดขายทอดตลาดได้ ผู้ร้องซึ่งมีแต่สิทธิจำนองหามีสิทธิที่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นา ๒ แปลงรายนี้ไม่
จึงพิพากษายืน