คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นฎีกาโดยลงชื่อเป็นผู้ฎีกา แต่มี ส. ซึ่งเป็นนักลงโทษลายมือชื่อเป็นผู้เรียง ปรากฎว่า ส. มิได้เป็นผู้ซึ่งได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความ กับทั้งไม่ปรากฎว่าเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามมาตรา 33แห่งพระราชบัญญัติ ทนายความ พ.ศ.2528 ดังนั้น การที่ ส.เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยจึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจากการกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 วรรคแรก,102 ให้จำคุก 40 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงเหลือจำคุก 20 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจำเลยได้ลงชื่อเป็นผู้ฎีกา แต่มีนางสาวสิตา ไทยอนันต์ ลงลายมือชื่อเป็นผู้เรียงปรากฎว่านางสาวสิตา ไทยอนันต์ ผู้เรียงฎีกาเป็นนักโทษ มิได้เป็นผู้ซึ่งได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความ และไม่ปรากฎว่าเป็นบุคคล ซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2528 มาตรา 33 การที่นางสาวสิตา เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยจึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย มีโทษทางอาญาตามมาตรา 82 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่เกิดจากการกระทำโดยไม่ชอบศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณาให้
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share