แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เรือนรายพิพาทเป็นของผู้ตายกับภรรยา แต่มิได้จดทะเบียนเมื่อผู้ตายตายแล้ว บุตรผู้ตายซึ่งเกิดจากภรรยาอื่นได้ขายเรือนจัดการทำศพและชำระหนี้แทนผู้ตาย โดยภรรยาผู้ตาย ละทิ้งผู้ตายไปโดยไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใดผู้ซื้อได้รับโอนทางทะเบียนโดยสุจริต ดังนี้ ภรรยาผู้ตายจะขอให้เพิกถอนหรือทำลายการซื้อขายไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 และ มาตรา 1300
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งทำลายสัญญาซื้อขายเรือนซึ่งเป็นทรัพย์ระหว่างผู้ตายกับโจทก์ซึ่งเป็นภรรยา และโจทก์มีสิทธิ์รับมรดก แล้วให้จำเลยคืนเรือน หรือใช้ราคาทรัพย์
ทางพิจารณาได้ความว่า โจทก์กับนายบุญช่วยผู้ตายเป็นสามีภรรยากัน ต่อมาได้เช่าที่กรมรถไฟปลูกเรือนรายพิพาท เมื่อ พ.ศ. 2485 โจทก์ระหองระแหงกันแล้วโจทก์ไปอยู่จังหวัดนครราชสีมาโดยไม่บอกผู้ตายหรือบอกให้ผู้ใดทราบไปแล้วไม่ส่งข่าวคราว เมื่อเดือนมิถุนายน 2485 นายบุญช่วยตาย นางสาวสนิทบุตรผู้ตายซึ่งเกิดจากภรรยาออื่นได้โอนขายเรือนให้จำเลย ต่อมา พ.ศ. 2487 โจทก์กลับมารู้เรื่องจึงมาฟ้องเป็นคดีนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ทำลายสัญญาการซื้อขาย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า น.ส.สนิทผู้ชายเป็นผู้รับมรดกและจัดการศพชำระหนี้แทนผู้ตาย ได้จัดการขายทรัพย์เพื่อใช้จ่ายในการทำศพและชำระหนี้ การซื้อขายทำโดยเปิดเผยต่อกรมการอำเภอ การซื้อขายรายนี้ได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน สิทธิ์ของโจทก์มิได้จดทะเบียน จึงยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนแล้วโดยสุจริตไม่ได้ตาม มาตรา 1299 และจะขอเพิกถอนทะเบียนไม่ได้ตาม มาตรา 1300 จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง และยื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น