คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1919/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ลักทรัพย์ คงมีหลักฐานเพียงว่า ในคืนเกิดเหตุมีคนร้ายลักยางพาราแผ่นของผู้เสียหายไปข้อนำสืบเบื้องต้นที่ว่าจำเลยเป็นคนร้ายมาจากคำรับของจำเลยต่อพนักงานสอบสวน และต่อบุคคลที่รู้เห็นในขณะนั้นเป็นพยานบอกเล่าที่จำเลยได้บอกแก่พนักงานสอบสวนจริง แต่จะรับฟังว่าจำเลยได้กระทำการลักทรัพย์ไปจริงตามที่ได้บอกเล่าไว้หรือไม่นั้นต้องมีพยานอื่นมาสนับสนุนให้รับฟังได้ว่าเป็นจริงตามที่จำเลยได้บอกเล่าแก่พนักงานสอบสวนลำพังแต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพียงรับฟังได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไว้เช่นนั้น จะรับฟังลงโทษจำเลยได้นั้นจะต้องมีพยานอื่นสนับสนุนด้วย เมื่อโจทก์มีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวน จึงยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 วรรคสอง, 83 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 500 บาท แก่ผู้เสียหายและนับโทษของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1464/2534 โทษของจำเลยคดีหมายเลขแดงที่ 1199/2534 กับโทษของจำเลยที่ 3คดีหมายเลขดำที่ 1221/2534 ของศาลชั้นต้นตามลำดับ
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอาญามาตรา 335 วรรคสอง จำคุก 1 ปี 6 เดือน คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปีให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 500 บาท แก่ผู้เสียหายส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษของจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นนั้นสำหรับคดีหมายเลขดำที่ 1464/2534 และคดีหมายเลขแดงที่1199/2534 ศาลยังไม่ได้พิพากษา ส่วนคดีหมายเลขดำที่ 1221/2534ศาลพิพากษายกฟ้องจึงไม่นับโทษต่อให้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ลักทรัพย์รายนี้ คงมีหลักฐานเพียงว่า ในคืนเกิดเหตุมีคนร้ายลักยางพาราแผ่นของผู้เสียหายไป และในคืนนั้นยางพาราแผ่นของนางยี่เจ๊ะหวา บิลหลี ถูกลักไปด้วย ผู้เสียหายบอกให้เพื่อนฝูงช่วยสืบหา ต่อมาราว 2 เดือน นายมานะ สมุห์เสนีโตได้บอกผู้เสียหายว่าจำเลยเป็นคนลักไป วันที่ 4 สิงหาคม 2534ผู้เสียหายได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยดำเนินคดีชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพจากหลักฐานดังกล่าวไม่มีพฤติการณ์ใดพอจะชี้ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ลักยางพาราแผ่นหรือมีส่วนร่วมในการลักยางพาราแผ่น เพียงแต่นายมานะสืบทราบว่าจำเลยเป็นคนลัก แต่นายมานะเบิกความว่า ผู้เสียหายบอกให้ช่วยสืบหาตัวคนร้ายในวันที่ 4 จำเดือนไม่ได้ ทางสถานีตำรวจภูธรอำเภอกงหรา จับจำเลยได้และเรียกให้พยานไปดูตัว เพราะยางพาราแผ่นของพยานมีคนร้ายลักไปด้วยพยานได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจไว้แล้ว เมื่อพยานไปถึงสถานีตำรวจสอบถามจำเลยต่อหน้าพนักงานสอบสวนเรื่องยางพาราแผ่นของพยาน จำเลยไม่ยอมรับ แต่ยอมรับว่าได้ลักของผู้เสียหายไป คำเบิกความดังกล่าวมิได้เป็นพยานหลักฐานสนับสนุนว่าพยานได้สืบหาประการใด เพื่อเป็นต้นเหตุที่จะโยงไปหาผู้ร้ายที่ทำการลักยางพาราแผ่นรายนี้ เพียงแต่พยานทราบจากจำเลยที่บอกแก่พนักงานสอบสวนและพยานว่าข้อนำสืบเบื้องต้นที่ว่าจำเลยเป็นคนร้ายมาจากคำรับของจำเลยต่อพนักงานสอบสวน และต่อบุคคลที่รู้เห็นในขณะนั้นจึงเป็นพยานบอกเล่าที่จำเลยได้บอกแก่พนักงานสอบสวนจริง แต่จะรับฟังว่าจำเลยได้ทำการลักยางพาราแผ่นไปจริงตามที่ได้บอกเล่าไว้หรือไม่นั้น ต้องมีพยานอื่นมาสนับสนุนให้รับฟังได้ว่า เป็นจริงตามที่จำเลยได้บอกเล่าแก่พนักงานสอบสวน ลำพังแต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพียงรับฟังได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไว้เช่นนั้น จะรับฟังลงโทษจำเลยได้นั้นจะต้องมีพยานอื่นสนับสนุนด้วยเมื่อโจทก์มีแต่ลำพังคำรับสารภาพชั้นสอบสวน ยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้
พิพากษายืน

Share