แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินที่ตกลงซื้อร่วมกันเป็นส่วนสัดและทำถนนพิพาทตามที่ตกลงกันก่อนทำหนังสือซื้อขายที่ดินโดยเจ้าของที่ดินอนุญาตและโจทก์ได้ใช้ถนนพิพาทตลอดมาจนถึงวันที่จำเลยทำรั้วปิดกั้นเป็นเวลาเกิน10ปีเมื่อทางพิพาทได้ใช้เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ติดต่อกันเป็นเวลากว่า10ปีแล้วโดยจำเลยมิได้ทักท้วงหรือห้ามปรามทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมซึ่งโจทก์ได้มาโดยอายุความจำเลยไม่มีสิทธิปิดกั้น. การได้ภาระจำยอมมาโดยอายุความมิใช่ได้มาทางนิติกรรมจึงไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่.
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ ทั้ง ห้า และ จำเลย เป็น เจ้าของ ที่ดิน มี โฉนดรวม 6 โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว อยู่ ติดต่อ กัน โจทก์ ทั้ง ห้า จำเลย และนาง ส้ม สัมพันธ์แพ ได้ จด ทะเบียน ซื้อ ที่ดิน รวม 6 โฉนด ดังกล่าวและ ที่ดิน อีก โฉนด หนึ่ง มา แบ่งกัน เพื่อ ใช้ เป็น โกดัง ถ่าน และที่ อยู่ อาศัย ก่อน จด ทะเบียน ซื้อ ได้ ทำ สัญญา จะซื้อ ขาย และ ชำระค่าที่ดิน บางส่วน เมื่อ ปลายปี พ.ศ. 2514 เจ้าของ ที่ดิน ได้ ส่งมอบที่ดิน ให้ โจทก์ ทั้ง ห้า จำเลย และ นาง ส้ม เข้า ทำ ประโยชน์ การ ซื้อที่ดิน นี้ ตกลง กัน ว่า จะ ทำ ถนน ผ่าน กลาง ที่ดิน เพื่อ ใช้ เป็นทางเดิน และ ให้ รถบรรทุก สิบล้อ ขน ถ่าน มา เก็บ ใน โกดัง ผ่าน เข้าออก ทางสาธารณะ มา สู่ ที่ดิน โจทก์ ซึ่ง อยู่ ด้าน ใน และ ไม่ มี ทางออก สู่ ทางสาธารณะ ทางอื่น เมื่อ ได้ ชำระ ค่าที่ดิน บางส่วน แล้วโจทก์ ทั้ง ห้า จำเลย และ นาง ส้ม ได้ ร่วมกัน ทำ ถนน กว้าง 8.50 เมตรผ่าน กลาง ที่ดิน ถนน ดังกล่าว อยู่ ใน ที่ดิน ของ จำเลย กว้าง 4.20เมตร ยาว ตลอด เขต ที่ดิน ของ จำเลย หลังจาก นั้น โจทก์ ทั้ง ห้า ได้สร้าง โกดัง ถ่าน และ ที่อยู่ อาศัย ใช้ ถนน ดังกล่าว สำหรับ รถบรรทุกสิบล้อ ผ่าน เข้า ออก สู่ ที่ดิน ของ โจทก์ โดย สงบ เปิดเผย มา เป็นเวลา นาน กว่า 10 ปี แล้ว ที่ดิน ของ จำเลย ดังกล่าว จึง ตก เป็น ภาระจำยอม แก่ ที่ดิน ของ โจทก์ ทั้ง ห้า ต่อมา วันที่ 26 กันยายน 2525จำเลย ทำ รั้ว บ้าน ล้ำ เข้า มา ใน ทาง ภาระจำยอม เป็น เหตุ ให้ โจทก์ทั้ง ห้า ใช้ รถบรรทุก สิบล้อ บรรทุก ถ่าน เข้า ออก จาก โกดัง ของ ตนสู่ ถนน สาธารณะ ไม่ ได้ ขอ ให้ ศาล พิพากษา ว่า ที่ดิน หมาย สีแดง ในแผนที่ สังเขป ท้ายฟ้อง เป็น ทางภาระจำยอม ให้ จำเลย เปิดทาง ภาระจำยอมใน ที่ดิน ของ จำเลย และ ไป จด ทะเบียน ที่ดิน ของ จำเลย ดังกล่าว เป็นภาระจำยอม เพื่อ ประโยชน์ แก่ ที่ดิน โจทก์ หาก จำเลย ไม่ ปฏิบัติ ตามให้ ถือ เอา คำพิพากษา เป็น การ แสดง เจตนา ของ จำเลย
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ไม่เคย สัญญา ว่า จะ ยก ที่ดิน ของ จำเลย ในส่วนใด ส่วนหนึ่ง ให้ เป็น ภาระจำยอม แก่ โจทก์ หรือ ผู้หนึ่ง ผู้ใดจำเลย ทำ รั้ว ภายใน เขต โฉนดที่ดิน ของ จำเลย มิได้ เป็น การ ละเมิดหรือ รอนสิทธิ์ แก่ โจทก์ ถนน ที่ เข้า บ้าน นาง ส้ม และ โจทก์ ทั้ง ห้ายัง ใช้ รถบรรทุก สิบล้อ หรือ ยานพาหนะ อื่น เข้า บ้าน ได้ สะดวก
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า ที่ดิน ของ จำเลย เฉพาะ ส่วน ที่ อยู่ ใน เขตหมาย สีแดง ตาม รูป แผนที่ ท้าย ฟ้อง หมาย 2 เป็น ทาง ภาระจำยอม แก่ที่ดิน โจทก์ ให้ จำเลย เปิดทาง ภาระ จำยอม ดังกล่าว โดย ให้ จำเลยรื้อ รั้วบ้าน ของ จำเลย ที่ ปิดกั้น ทาง ภาระจำยอม ทั้งหมด ออก ไปและ ให้ จำเลย ไป จด ทะเบียน ที่ดิน ของ จำเลย เฉพาะ ส่วน ที่ อยู่ ในเขต หมาย สีแดง ให้ เป็น ทาง ภาระจำยอม เพื่อ ที่ดิน ของ โจทก์ หากจำเลย ไม่ ปฏิบัติ ตาม ให้ ถือ เอา คำพิพากษา เป็น การ แสดง เจตนา ของจำเลย
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย โดย ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า เมื่อ ปี พ.ศ. 2514 โจทก์ทั้ง ห้า จำเลย นาง ส้ม สัมพันธ์แพ และ นาง อบ แย้มดอนไพร ร่วมกัน ซื้อที่ดิน จาก นาง ถนอม ชาญวุฒิ ซึ่ง เป็น ที่ดิน สอง โฉนด ติดต่อ กันตั้ง อยู่ ใน ซอย อาภา เพื่อ ใช้ เป็น ที่อยู่ อาศัย และ เก็บ ถ่านซึ่ง ผู้ซื้อ ทุกคน ต่าง มี อาชีพ ค้า ถ่าน และ ตกลง ยอม ให้ ที่ดินตรง เขต ติดต่อ ของ ที่ดิน ทั้ง สอง โฉนด ด้านละ 5 เมตร ทำ ถนน จากซอย ชัยอาภา เข้า ไป ยัง ที่ดิน ที่ โจทก์ ทั้ง ห้า ซื้อ เพื่อ ให้ถนน กว้าง พอ ที่ จะ ใช้ รถบรรทุก สิบล้อ บรรทุก ถ่าน เข้า ไป ยัง โกดังเก็บ ถ่าน ได้ ด้วย เมื่อ ตกลง ซื้อ โดย ชำระ ค่าที่ดิน บางส่วน แล้วเจ้าของ ที่ดิน อนุญาต ให้ เข้า ครอบครอง ทำ ประโยชน์ ได้ โจทก์ ทั้งห้า จำเลย และ ผู้ ที่ ร่วม ซื้อ ที่ดิน นั้น ก็ ทำ ถนน จาก ซอย ชัยอาภาเข้า ไป ใน ที่ดิน ดังกล่าว ตาม ที่ ตกลง กัน ถนน เสร็จ เมื่อ ปลายปีพ.ศ. 2514 เป็น ถนน กว้าง 8.50 เมตร ซึ่ง อยู่ ใน เขต ที่ดิน ของ จำเลยกว้าง 4.20 เมตร ยาว 14.96 เมตร คือ บริเวณ สีแดง ใน แผนที่ เอกสาร หมาย จ.2 แล้ว โจทก์ ทั้ง ห้า ก็ ได้ ใช้ ถนน ดังกล่าว ให้ รถบรรทุก สิบล้อบรรทุก ถ่าน เข้า ออก ตลอด มา จึง เชื่อ ได้ ว่า จำเลย ยอม ให้ ที่พิพาท ทำ ถนน เข้า ไป ยัง ที่ดิน ของ โจทก์ ทั้ง ห้า ตาม แผนที่ เอกสารหมาย จ.2
ใน ปัญหา ที่ จำเลย อ้าง ว่า โจทก์ ทั้ง ห้า ใช้ ถนน ซึ่ง รวม ทางพิพาท มา ยัง ไม่ ถึง 10 ปี เพราะ เพิ่ง ซื้อ ที่ดิน จาก นาง ถนอมชาญวุฒิ เมื่อ วันที่ 23 มีนาคม 2515 ตาม สำเนา หนังสือ สัญญา ขายที่ดิน หมาย ล.4 ได้ แบ่งแยก โฉนด และ ถมดิน ใน ปี พ.ศ. 2516 และปลูกบ้าน อยู่อาศัย ใน ปี พ.ศ. 2517 ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริงมี เหตุผล เชื่อ ได้ ว่า โจทก์ ทั้ง ห้า กับ จำเลย ได้ เข้า ครอบครองที่ดิน เป็น ส่วนสัด และ ทำ ถนน ตาม ที่ ตกลง กัน ก่อน ทำ หนังสือสัญญา ขาย ที่ดิน เอกสาร หมาย ล.4 โดย เจ้าของ ที่ดิน อนุญาต และโจทก์ ทั้ง ห้า ได้ ใช้ ถนน ที่ พิพาท มา ตั้งแต่ ปลายปี พ.ศ. 2514ตลอด มา จน ถึง วันที่ จำเลย ทำ รั้ว ปิดกั้น เป็น เวลา เกิน 10 ปีเมื่อ ทาง พิพาท ตาม เอกสาร หมาย จ.2 ได้ ใช้ เพื่อ ประโยชน์ แก่ ที่ดินของ โจทก์ ทั้ง ห้า ติดต่อ กัน มา เป็น เวลา กว่า 10 ปี แล้ว โดย จำเลยมิได้ ทักท้วง หรือ ห้ามปราม แต่ อย่างใด ทาง พิพาท จึง ตก เป็นภาระจำยอม ซึ่ง โจทก์ ทั้ง ห้า ได้ มา โดย อายุความ จำเลย ไม่ มี สิทธิปิดกั้น
ใน ปัญหา ที่ จำเลย ฎีกา ว่า การ ตกลง ให้ ใช้ ที่ พิพาท เป็น ทางภาระจำยอม เป็น การ ทำ นิติกรรม มิได้ ทำ เป็น หนังสือ และ จด ทะเบียนต่อ พนักงาน เจ้าหน้าที่ จึง ไม่ มี ผล บังคับ นั้น ศาลฎีกา เห็น ว่าเมื่อ โจทก์ ได้ ภาระจำยอม มา โดย อายุความ มิใช่ ได้ มา ทาง นิติกรรมกรณี จึง หา จำต้อง ทำ เป็น หนังสือ และ จด ทะเบียน ต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ ดัง ข้อ ฎีกา ของ จำเลย
พิพากษา ยืน.