แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือมอบอำนาจที่ได้ทำในต่างประเทศ ความสมบูรณ์ของหนังสือมอบอำนาจจึงต้องเป็นไปตามกฎหมายของประเทศที่ทำหนังสือมอบอำนาจนั้น จึงไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์ตาม ป.รัษฎากร
ความมุ่งหมายของการบังคับให้มีสำเนาเอกสารหรือคำแปลเอกสารที่รับรองถูกต้องแห่ง พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 3 (2) และ (3) ก็คือเพื่อให้เอกสารมีความน่าเชื่อถือ ความไม่ชอบของเอกสารที่มิได้ระบุชื่อผู้แปลหรือผู้แปลได้สาบานตนหรือไม่ ตามที่ผู้คัดค้านอ้าง จึงไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งคดี
การชำระหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่กำหนดให้ผู้คัดค้านใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยในวันที่มีคำพิพากษาเป็นเกณฑ์นั้น ถือว่าไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง จึงสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอ ขอให้บังคับผู้คัดค้านชำระเงินแก่ผู้ร้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ คำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการแห่งสถาบันอนุญาโตตุลาการเดนมาร์ก โดยให้ผู้คัดค้านชำระเงินจำนวนดังต่อไปนี้แก่ผู้ร้องคือ ต้นเงิน 9,131,736 โครนนอร์เวย์ ดอกเบี้ยในอัตราของต้นเงินและในกำหนดระยะเวลาไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีชั้นอนุญาโตตุลาการ 250,000 โครนนอร์เวย์ สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครในวันที่มีคำพิพากษานี้ ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันดังกล่าวก็ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนนั้นก่อนวันที่มีคำพิพากษา ให้ผู้คัดค้านชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องโดยกำหนดเป็นค่าทนายความ 100,000 บาท
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญญาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านว่าหนังสือมอบอำนาจ มิได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรจึงไม่อาจรับเข้าเป็นพยานหลักฐานได้ ดังนั้น จึงไม่อาจรับฟังได้ว่านายธเนศ และหรือนายอภิชาติ เป็นผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้แทนผู้ร้อง เห็นว่า อุทธรณ์ข้อนี้ของผู้คัดค้านเป็นการอุทธรณ์เรื่องอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้คัดค้านจะมิได้ต่อสู้ไว้ผู้คัดค้านก็สามารถอุทธรณ์ได้ สำหรับความสมบูรณ์ของหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งผู้คัดค้านอ้างว่าไม่อาจรับฟังได้เนื่องจากมิได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรนั้น เห็นว่า หนังสือมอบอำนาจได้กระทำในราชอาณาจักรนอร์เวย์ ซึ่งมีโนตารีพับลิกแห่งเมืองทรอนไฮม์ ราชอาณาจักรนอร์เวย์รับรองว่า นายไก กรรมการผู้จัดการทั่วไปซึ่งมีอำนาจกระทำการแทนบริษัทผู้ร้องเป็นผู้ลงนามรวมทั้งมีเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์รับรองว่าโนตารีพับลิกที่รับรองดังกล่าวเป็นผู้มีอำนาจจริง จึงไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าหนังสือมอบอำนาจจะมิใช่เป็นหนังสือมอบอำนาจที่แท้จริง ส่วนเรื่องการปิดอากรแสตมป์นั้น เนื่องจากหนังสือมอบอำนาจได้ทำในต่างประเทศความสมบูรณ์ของหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงต้องเป็นไปตามกฎหมายของประเทศที่ทำหนังสือมอบอำนาจนั้น ไม่อยู่บังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ในเมื่อไม่ปรากฏว่าหนังสือมอบอำนาจมีความไม่สมบูรณ์อย่างใดตามกฎหมายของประเทศนอร์เวย์ จึงต้องรับฟังว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวสมบูรณ์และรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอคดีนี้
ผู้คัดค้านอุทธรณ์อีกว่า ผู้ร้องไม่มีเอกสารตาม พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 31 โดยสัญญาอนุญาโตตุลาการ ผู้ร้องมีเพียงสำเนาที่รับรองโดยนายจารุศักดิ์ ซึ่งมิได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการทำสัญญา และคำแปลเป็นภาษาไทยของคำชี้ขาดไม่ได้ระบุว่าผู้ใดเป็นผู้แปลและผู้แปลสาบานตัวแล้ว อีกทั้งมิได้มีเจ้าหน้าที่รับรอง ในข้อนี้ศาลฎีกาแผนกทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เห็นว่า ความมุ่งหมายของการบังคับให้มีสำเนาเอกสารหรือคำแปลเอกสารที่รับรองถูกต้องตามมาตรา 31 (2) และ (3) แห่ง พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 ก็คือเพื่อให้เอกสารดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ สำหรับคดีนี้ แม้ว่าสัญญาอนุญาโตตุลาการจะเป็นสำเนาซึ่งรับรองโดยนายจารุศักดิ์ ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีส่วนรับรู้ในการทำสัญญาดังกล่าว และคำแปลเป็นภาษาไทยคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้แปลและผู้แปลสาบานตนแล้วหรือไม่ อีกทั้งไม่มีเจ้าหน้าที่รับรอง แต่เมื่อผู้คัดค้านมิได้กล่าวอ้างว่าสำเนาสัญญาอนุญาโตตุลาการและคำแปลดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไรจึงไม่มีผลต่อความน่าเชื่อถือของของเอกสารดังกล่าว ความไม่ชอบของเอกสารตามที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้างจึงไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งคดี อุทธรณ์ข้อนี้ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า คำชี้ขาดในส่วนที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยที่กำหนดให้ผู้คัดค้านใช้คืออัตราละ 1.5 ต่อเดือน ไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 224 การบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวจึงขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นั้น เห็นว่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 ที่บัญญัติให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ 7.5 ต่อปีนั้น เป็นกรณีการคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดที่เจ้าหนี้ไม่อาจเรียกได้สูงกว่าอัตรานี้โดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย มิใช่เป็นกรณีกฎหมายห้ามเด็ดขาดไม่ให้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี หากมีเหตุอื่นอันชอบด้วยกฎหมายที่เจ้าหนี้สามารถเรียกได้สูงกว่าอัตรานี้ เจ้าหนี้ย่อมสามารถเรียกได้โดยไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย การชำระหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่กำหนดให้ผู้คัดค้านใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนซึ่งเท่ากับร้อยละ 18 ต่อปี นั้นผู้คัดค้านก็มิได้กล่าวอ้างว่าเป็นการขัดต่อบทกฎหมายอื่นใดอีก จึงไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนดังที่ผู้คัดค้านอุทธรณ์ คำพิพากษาฎีกาที่ผู้คัดค้านอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ อุทธรณ์ในข้อนี้ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน
อนึ่ง คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขอบังคับให้ผู้คัดค้านชำระหนี้เป็นเงินตราต่างประเทศคือ เงินโครนนอร์เวย์ เท่านั้น การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยในวันที่มีคำพิพากษาเป็นเกณฑ์นั้น จึงไม่เป็นไปตามบทบัญญัติ มาตรา 196 วรรคสอง แห่ง ป.พ.พ. ที่กำหนดให้คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ สถานที่ และในเวลาที่ใช้เงิน อีกทั้งยังเป็นการพิพากษาเกินคำขอ จึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจึงเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้คัดค้านชำระเงินให้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โดยไม่บังคับให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครในวันที่มีคำพิพากษานี้ ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันดังกล่าว ก็ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนนั้นก่อนวันที่มีคำพิพากษา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ผู้คัดค้านใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยกำหนด ค่าทนายความในชั้นนี้ 30,000 บาท แทนผู้ร้อง.