แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายเครื่องปรับอากาศของกลาง 250 เครื่อง ที่ยังมิได้เสียภาษีสรรพสามิต และจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันปลอมเครื่องหมาย (สติกเกอร์) แสดงการเสียภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องปรับอากาศอันเป็นเอกสารราชการและนำเอกสารราชการปลอมดังกล่าวไปใช้ติดกับเครื่องปรับอากาศของกลางเป็นความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับ ซึ่งมีองค์ประกอบความผิดที่แตกต่างกัน และเป็นความผิดสำเร็จอยู่ในตัว ทั้งเจตนาในการกระทำความผิดสองฐานก่อให้เกิดผลที่ต่างกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 4, 103, 162, 167 พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 264, 265, 268 ริบเครื่องหมาย (สติกเกอร์) แสดงการเสียภาษีปลอมของกลาง และนับโทษจำเลยที่ 2 คดีนี้ ต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 5402/2546 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3064/2547 3921/2548 และ 3955/2548 กับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1833/2547 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 (ที่ถูก มีมาตรา 83 ด้วย) พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 162 (ที่ถูก 162 (1)), 167 (ที่ถูกมี ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานใช้เอกสารปลอมปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 5,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ฐานขายหรือมีไว้เพื่อขายสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ปรับจำเลยที่ 2 ห้าเท่าของค่าภาษีที่จะต้องเสียเป็นเงิน 1,160,156.10 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 เดือน และปรับ 1,160,156.10 บาท รวมโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 1,165,156.10 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 2 เดือน และปรับ 1,160,156.10 บาท นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3064/2547 3921/2548 และ 3955/2548 ของศาลชั้นต้น หากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ส่วนจำเลยที่ 1 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับ (ที่ถูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29) ริบเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีสำหรับเครื่องปรับอากาศปลอมของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอมและฐานร่วมกันมีไว้เพื่อขายและขายเครื่องปรับอากาศโดยรู้ว่ามิได้เสียภาษีสรรพสามิต เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท สำหรับจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลลงโทษได้เฉพาะโทษปรับ จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันมีไว้เพื่อขายและขายเครื่องปรับอากาศโดยรู้ว่ามิได้เสียภาษีสรรพสามิต ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษปรับหนักที่สุด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษจำคุกหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 โดยปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 1,160,156.10 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้จำเลยที่ 2 ฎีกาเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้รอการลงโทษแก่จำเลยที่ 2
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายเครื่องปรับอากาศของกลาง 250 เครื่อง ที่ยังมิได้เสียภาษีสรรพสามิต หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันปลอมเครื่องหมาย (สติกเกอร์) แสดงการเสียภาษีสรรพาสามิตสำหรับเครื่องปรับอากาศอันเป็นเอกสารราชการและนำเอกสารราชการปลอมดังกล่าวไปใช้ติดกับเครื่องปรับอากาศของกลาง เป็นความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับ ซึ่งมีองค์ประกอบแห่งความผิดที่แตกต่างกันและเป็นความผิดสำเร็จอยู่ในตัว ทั้งเจตนาในการกระทำความผิดทั้งสองฐานก่อให้เกิดผลที่ต่างกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกันที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรไม่ลงโทษปรับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานดังกล่าวอีก
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 5,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี และฐานร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 1,160,156.10 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 เดือน รวมปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 1,165,156.10 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 2 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์