แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ที่สืบประกอบคำรับสารภาพว่า เจ้าพนักงานได้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย ที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 หัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตาย เป็นหัวกระสุนปืนที่ใช้ยิงจากปืนของกลางที่จับได้จาก จำเลยที่ 1 ผู้เสียหายแจ้งถึงรูปร่าง ผิวเนื้อลักษณะหน้าตา ตลอดจนอายุและเครื่องแต่งกายของจำเลยได้ละเอียดและชี้ตัวได้ถูกต้อง และพยานโจทก์อีก 2 ปาก ก็จำจำเลยได้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีแน่นหนามั่นคงเช่นนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และ 2 จึงไม่พอจะถือได้ว่าให้ความรู้แก่ศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันใช้ปืน มีดเป็นอาวุธปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายนายสุชาติผู้เสียหาย และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราและฆ่านางสาวสุภาพรรณเพื่อปกปิดความผิดฐานปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๒๘๔, ๙๒, ๘๓, ๕๘ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ ซึ่งเป็นกระทงหนัก ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม แต่จำเลยทั้งสามรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยทั้งสามไว้ตลอดชีวิต
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่าไม่ควรลดโทษให้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาพิพากษาแก้ ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามฎีกาขอให้ลดโทษ
ศาลฎีกาเห็นว่า นอกจากโจทก์มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยร่วมกันปล้นเอาทรัพย์ผู้เสียหาย และบังคับขู่เข็ญพานางสาวสุภาพรรณไปแล้วแม้ขณะที่นางสาวสุภาพรรณถูกยิงทำร้ายถึงตาย โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงหัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตายประกอบกับปืนสตาร์ของกลางที่ยึดได้จากจำเลยซึ่งพยานผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์แล้ว ก็ให้ความเห็นว่าลูกกระสุนปืนของกลางใช้ยิงมาจากปืนสตาร์ของจำเลยจริง ข้อเท็จจริงบ่งชี้ให้เชื่อได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันฆ่านางสาวสุภาพรรณจริง
คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ยังปรากฏข้อเท็จจริงต่อไปอีกว่าเจ้าพนักงานตรวจค้นได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกปล้นไป จากจำเลยทั้งสองอีกหลายอย่าง ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีดังวินิจฉัยมาแล้ว เป็นที่เห็นได้ชัดว่าโจทก์มีพยานหลักฐานมัดตัวจำเลยที่ ๑, ๒ แน่นหนามั่นคงพอให้ฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัย คำรับสารภาพของจำเลยที่ ๑, ๒ ในกรณีเช่นนี้ไม่พอจะถือว่าให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาการรับสารภาพของจำเลยจึงเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ลดโทษประหารชีวิตให้จำเลยที่ ๑, ๒ นั้นชอบแล้ว
ส่วนคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๓ นั้น แม้จะปรากฏชัดว่าผู้เสียหายนายสุรีย์ นายรัตน์และนายประเสริฐพยานโจทก์ จำหน้าจำเลยได้ว่าเป็นคนร้ายรายนี้ด้วย แต่พยานโจทก์ดังกล่าวแล้วทุกคนต่างไม่รู้จักชื่อและตัวจำเลยนี้มาก่อน คดีคงเพียงแต่ได้ความจากคำของนายประเสริฐคนเดียวว่าเคยเห็นหน้าจำเลยนี้ขับรถอยู่แถวศรีราชาการได้ตัวจำเลยนี้มาดำเนินคดีก็ไม่ใช่เพราะอาศัยคำของพยานโจทก์ แต่หากเป็นเพราะอาศัยคำซัดของจำเลยที่ ๑, ๒ ซึ่งเป็นคำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ เมื่อพันตำรวจตรีบุณยชัยผู้สอบสวนติดต่อสอบถามไปทางพนักงานสอบสวนอำเภอศรีราชา จึงได้ความว่าจำเลยนี้ถูกจับกุมไว้อยู่แล้วในข้อหาขับรถชนคนตายโดยประมาทอีกคดีหนึ่ง เมื่อให้พยานดูตัวจำเลยนี้ พยานจึงยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวหากคำนึงถึงว่าการที่จะได้ตัวจำเลยที่ ๓ มาดำเนินคดี ประกอบทั้งไม่ได้ทรัพย์สินผู้เสียหายที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ ๓ เป็นของกลางแต่อย่างใดเลย เช่นนี้ การที่จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาล จึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่มาก ฉะนั้นโดยเหตุผลทางคดี ควรปรานีลดโทษให้จำเลยที่ ๓ เป็นการเฉพาะตัว
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ลดโทษประหารชีวิตจำเลยที่ ๓ กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๒ ประมวลกฎหมายอาญาคงจำคุกจำเลยที่ ๓ ไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้แล้ว คงให้บังคับไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์