คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายห้ามนั้น หาใช่จะเป็นความผิดเฉพาะการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราในขณะที่กู้ยืมเงินกันไม่ การเรียกภายหลังการกู้ยืมเงินก็เป็นความผิด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำนองที่ดินไว้แก่จำเลย คิดดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือน ต่อมาจำเลยคิดดอกเบี้ยที่ค้าง 16 เดือนเป็นจำนวนเกินอัตราไป 480 บาท ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3,4 ดังนี้ ศาลจะมีคำสั่งที่คำฟ้องว่ายกฟ้องเสียเลยทีเดียวหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำนองที่ดินแปลงหนึ่งไว้แก่จำเลย 7,600 บาทคิดดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือน แล้วขอขึ้นเงินจำนองอีก 4,000 บาทรวม 11,600 บาท คิดดอกเบี้ยเช่นเดิม ต่อมาโจทก์คิดดอกเบี้ยที่ค้างอยู่รวม 16 เดือน เป็นเงิน 2,800 บาท แต่โจทก์จ่ายให้ไปแล้ว 1,200 บาท และดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือน เป็นดอกเบี้ยที่ค้าง(เพียง) 2,320 บาท แต่จำเลยคิดเอาดอกเบี้ยแก่โจทก์ถึง 2,800 บาท เกินไป 480 บาท เป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3, 4

ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง (ที่คำฟ้อง) ว่า ตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 บัญญัติว่า บุคคลใด (ก) ให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ฯลฯ จึงจะเป็นความผิด แต่ปรากฏตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ว่าในขณะที่จำเลยให้โจทก์ยืมเงินนั้น จำเลยมิได้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราแต่อย่างใด ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการผิดต่อพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้ยกฟ้องโจทก์ตามมาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อความตามสำเนาเอกสารท้ายอุทธรณ์ของโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยแสดงเจตนาเรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากโจทก์และในขณะที่ทำสัญญาจำนองกัน ตามเอกสารก็ลงว่าดอกเบี้ยชั่งละ1 บาทต่อเดือน ซึ่งไม่ผิดจากอัตราในกฎหมาย พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องถือได้ว่าโจทก์อ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 แล้ว ฟ้องโจทก์ได้บรรยายตรงตามมาตรา 3(ก) แล้ว การคิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามมาตรา 3 นี้หาใช่จะเป็นความผิดเฉพาะการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราในขณะที่กู้ยืมเงินไม่ ถ้ามีการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ภายหลังการกู้ยืมเงินก็เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ ตามนัยฎีกาที่ 708/2496 ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป

Share