คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1910/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารการยื่นเสนอราคากำหนดให้ยื่นซองเสนอราคาภายในเวลากำหนดแต่จำเลยที่1มิได้ยื่นภายในเวลาดังกล่าวทั้งมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกวดราคาที่กำหนดไว้ไม่ได้ยื่นซองเสนอราคาที่กรอกข้อความในแบบฟอร์มเสนอราคาประมูลของโจทก์และไม่มีหลักฐานแสดงว่าจำเลยที่1ได้ลงทะเบียนรับแบบและเอกสารไปจากโจทก์การเสนอราคาของจำเลยที่1มิได้เสนอตามเอกสารการยื่นเสนอราคาหากแต่เป็นคำเสนอขึ้นใหม่มิใช่การยื่นเสนอราคาในการประกวดราคาจึงนำเงื่อนไขการประกวดราคาดังกล่าวมาบังคับไม่ได้ หนังสือเสนอราคาของจำเลยที่1ได้เสนอเพื่อประสงค์จะเข้าทำสัญญารับเหมาก่อสร้างติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศกับโจทก์การที่โจทก์แจ้งให้จำเลยไปทำสัญญาจึงเป็นคำสนองที่โจทก์ประสงค์จะทำสัญญากับจำเลยแต่คำสนองของโจทก์กำหนดเงื่อนไขให้จำเลยต้องนำหนังสือค้ำประกันของธนาคารวงเงินค้ำประกันร้อยละ10ของมูลค่าตามสัญญาจ้างไปวางประกันด้วยซึ่งเป็นเงื่อนไขในเอกสารการยื่นราคาคำสนองของโจทก์จึงเป็นคำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติมมีข้อจำกัดหรือมีข้อแก้ไขถือได้ว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับและเป็นคำเสนอใหม่ของโจทก์เมื่อจำเลยไม่ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวและไม่ยอมทำสัญญากับโจทก์คำเสนอใหม่ของโจทก์ดังกล่าวจึงสิ้นผลสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยจึงยังไม่เกินขึ้นโจทก์จึงริบหลักประกันการประกวดราคาโดยเรียกให้จำเลยที่2ชำระเงินตามหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะตั้งประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยกระทำผิดเงื่อนไขการประกวดราคารับเหมาก่อสร้างหรือติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศตามที่ได้กระทำไว้ต่อโจทก์ดังฟ้องหรือไม่ก็ตามแต่ศาลก็มีอำนาจที่จะวินิจฉัยก่อนว่าจำเลยได้ยื่นเสนอประกวดราคารับเหมาก่อสร้างหรือติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศต่อโจทก์หรือไม่เมื่อฟังว่าจำเลยไม่ได้ยื่นเสนอประกวดราคาก่อสร้างหรือติดตั้งระบบงานดังกล่าวต่อโจทก์หากแต่เป็นคำเสนอใหม่ต่างหากจึงนำเงื่อนไขการประกวดราคามาใช้กับจำเลยไม่ได้ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทำผิดเงื่อนไขการประกวดราคาระบบปรับอากาศและระบายอากาศที่ทำไว้ต่อโจทก์หรือไม่การวินิจฉัยดังกล่าวถือได้ว่ายังอยู่ในประเด็นแห่งคดีนั่นเอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน700,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า ตามเงื่อนไขของข้อกำหนดในการประกวดราคาของโจทก์ ให้ผู้เสนอราคาจะต้องส่งเอกสารการเสนอราคาถึงโจทก์ภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2535 เอกสารการเสนอราคาของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นคำเสนอโดยชอบ แต่เป็นเพียงคำเชิญชวนให้โจทก์ทราบว่า จำเลยที่ 1 มีความสามารถพอที่จะทำการก่อสร้างระบบปรับอากาศและระบายอากาศเท่านั้น คู่กรณีจะต้องเจรจากันในรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งจำเลยที่ 1 ถือว่าเป็นสาระสำคัญที่คู่กรณีจะต้องตกลงกัน โจทก์กับจำเลยที่ 1ยังมิได้ตกลงกันหมดทุกข้อ โจทก์จึงไม่มีสิทธิสนองรับและแจ้งให้จำเลยที่ 1 ไปทำสัญญา กำหนดเวลายื่นซองประกวดราคาของโจทก์ได้สิ้นสุดลงแล้ว โจทก์จึงไม่อาจนำเอาข้อกำหนดและเงื่อนไขใด ๆตามประกาศการประกวดราคามากล่าวอ้างบังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 ได้จำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือผิดเงื่อนไขใด ๆโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายทั้งไม่มีสิทธิยึดถือหนังสือสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 ไว้ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์คืนหนังสือสัญญาค้ำประกันแก่จำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ยื่นซองประกวดราคาล่วงเลยกำหนดเวลาที่โจทก์กำหนดไว้ จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นคำเสนอจึงไม่มีคำเสนอใดของจำเลยที่ 1 ที่จะให้โจทก์แสดงเจตนาสนองรับเพื่อให้เกิดผลตามข้อตกลงของโจทก์ แม้ภายหลังโจทก์จะมีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 1 เข้าทำสัญญา ก็ไม่ถือว่าเป็นการก่อให้เกิดสัญญาจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกัน จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 1 ได้รับแบบเอกสารการยื่นเสนอราคา รวมถึงรายละเอียดและเงื่อนไขอื่นตามแบบของโจทก์จึงได้เสนอราคาตามเงื่อนไข และวางหนังสือค้ำประกันของจำเลยที่ 2เป็นหลักประกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาตามข้อเสนอทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงมีสิทธิริบหลักประกัน ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์คืนหนังสือสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 แก่จำเลยที่ 1
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าโจทก์ได้ประกาศให้มีการประกวดราคารับเหมาก่อสร้างหรือติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศ โครงการโรงแรมปริ้นเซส ปาร์ค วิวของโจทก์ วันที่ 21 เมษายน 2535 จำเลยที่ 1 ได้เสนอรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างงานระบบดังกล่าวของโจทก์ในวงเงิน 25,000,000 บาทต่อมาวันที่ 24 เมษายน 2535 ได้ยื่นคำเสนอซึ่งมีการตัดทอนข้อความบางส่วนออกไป ตามเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.7 ในการเสนอติดตั้งและก่อสร้างดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้แนบหนังสือสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 เป็นเงินไม่เกิน 700,000 บาท ไปด้วย ตามเอกสารหมาย จ.8วันที่ 30 เมษายน 2535 โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 1 ไปทำสัญญาภายใน 7 วัน จำเลยที่ 1 ไม่ไปทำสัญญากับโจทก์
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิริบหลักประกันการประกวดราคาโดยเรียกให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินตามหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.8 ได้หรือไม่ เห็นว่า ตามเอกสารการยื่นเสนอราคาเอกสารหมาย จ.3 กำหนดให้ยื่นซองเสนอราคาภายใน 24 กุมภาพันธ์2535 เวลา 17 นาฬิกา แต่การยื่นเสนอราคาของจำเลยที่ 1 ยื่นเสนอในวันที่ 21 และวันที่ 24 เมษายน 2535 นอกจากนี้การเสนอราคาของจำเลยที่ 1 ก็มิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกวดราคาที่กำหนดในเอกสารการยื่นราคาเอกสารหมาย จ.3 หลายประการ เป็นต้นว่าไม่ได้ยื่นซองเสนอราคาที่กรอกข้อความในแบบฟอร์มเสนอราคาประมูลของโจทก์ และโจทก์ไม่มีหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยได้ลงทะเบียนรับแบบและเอกสารไปจากโจทก์ หากโจทก์ประสงค์จะให้หนังสือเสนอราคาของจำเลยที่ 1 เป็นคำเสนอในการประกวดราคาของโจทก์ ก็น่าจะให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่โจทก์กำหนดให้ถูกต้อง ตามเอกสารหมาย จ.9ที่โจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 1 มาทำสัญญากับโจทก์ก็ระบุว่า โจทก์ตอบตกลงให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับเหมางานของโจทก์ตั้งแต่วันที่24 เมษายน 2535 แล้ว หากโจทก์ได้มีการประกาศให้มีการประกวดราคาใหม่ไปถึงเดือนเมษายน 2535 ก็น่าจะรอให้ถึงวันที่ 30 เมษายน2535 เสียก่อนค่อยเปิดซองประกวดราคา นายสมศักดิ์ จงวิไลเกษมพยานจำเลยผู้รับมอบอำนาจให้ยื่นหนังสือเสนอราคาของจำเลยที่ 1ก็เบิกความว่า ประมาณเดือนเมษายน 2535 นายสมศักดิ์ได้รับเอกสารการยื่นเสนอราคาระบบปรับอากาศและระบายอากาศจากพนักงานบริษัทชิงชัยและบุตรวิศวกรรม จำกัด จึงได้นำเรื่องเข้าปรึกษากับผู้บริหารของจำเลยที่ 1 ทางผู้บริหารสนใจจึงมอบให้นายสมศักดิ์ติดต่อกับโจทก์ นายสมศักดิ์ได้โทรศัพท์ติดต่อกับนายชัชวาล นายชัชวาลแจ้งว่าพ้นกำหนดระยะเวลายื่นซองประกวดราคาแล้ว หากสนใจจะยื่นให้เสนอตามหลักการความสามารถและราคาพร้อมหนังสือค้ำประกันเพื่อให้โจทก์พิจารณาต่อไปส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต้องคุยกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตามพฤติการณ์ดังที่กล่าวมา น่าเชื่อว่าการเสนอราคาของจำเลยที่ 1มิได้เสนอตามเอกสารการยื่นเสนอราคาเอกสารหมาย จ.3 หากแต่เป็นคำเสนอขึ้นใหม่ จึงมิใช่การยื่นเสนอราคาในการประกวดราคาฉะนั้นจึงนำเงื่อนไขการประกวดราคารับเหมาก่อสร้างหรือติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศตามฟ้องโจทก์มาบังคับแก่จำเลยไม่ได้
ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิริบหลักประกันการประกวดราคาโดยเรียกให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินตามหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.8ได้หรือไม่นั้น เห็นว่า หนังสือเสนอราคาของจำเลยที่ 1 นั้น ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เสนอเพื่อประสงค์จะเข้าทำสัญญารับเหมาก่อสร้างติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศกับโจทก์นั่นเอง การที่โจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 1 ไปทำสัญญา จำเป็นคำสนองที่โจทก์ประสงค์จะทำสัญญากับจำเลยที่ 1 แต่คำสนองของโจทก์กำหนดเงื่อนไขให้จำเลยที่ 1 ต้องนำหนังสือค้ำประกันของธนาคารวงเงินค้ำประกันร้อยละ10 ของมูลค่าตามสัญญาจ้างไปวางประกันด้วย ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวเป็นเงื่อนไขในเอกสารการยื่นราคา เมื่อฟังไม่ได้ว่าการเสนอราคาของจำเลยที่ 1 เป็นการเสนอราคาในการประกวดราคาของโจทก์จึงนำเงื่อนไขในเอกสารการยื่นเสนอราคามาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 1ไม่ได้ คำสนองของโจทก์จึงเป็นคำสนองอันมีข้อความเพิ่มเติม มีข้อจำกัด หรือมีข้อแก้ไข ถือได้ว่าเป็นคำบอกปัดไม่รับและเป็นคำเสนอใหม่ของโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวจึงไม่ยอมทำสัญญากับโจทก์ คำเสนอใหม่ของโจทก์ดังกล่าวจึงสิ้นผลสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 จึงยังไม่เกิดขึ้น โจทก์จึงริบหลักประกันการประกวดราคาโดยเรียกให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินตามหนังสือสัญญาค้ำประกันไม่ได้
ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นและพิพากษาวินิจฉัยไม่ตรงประเด็นแห่งคดีนั้น เห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นจะตั้งประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดเงื่อนไขการประกวดราคารับเหมาก่อสร้างหรือติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศตามที่ได้กระทำไว้ต่อโจทก์ดังฟ้องหรือไม่ก็ตาม แต่ศาลก็มีอำนาจที่จะวินิจฉัยก่อนว่า จำเลยที่ 1 ได้ยื่นเสนอประกวดราคารับเหมาก่อสร้างหรือติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศต่อโจทก์หรือไม่ เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 1ไม่ได้ยื่นเสนอประกวดราคาก่อสร้างหรือติดตั้งระบบงานดังกล่าวต่อโจทก์ หากแต่เป็นคำเสนอใหม่ต่างหาก จึงนำเงื่อนไขการประกวดราคามาใช้กับจำเลยที่ 1 ไม่ได้ ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ทำผิดเงื่อนไขการประกวดราคาระบบปรับอากาศและระบายอากาศที่ทำไว้ต่อโจทก์หรือไม่ การวินิจฉัยดังกล่าวถือได้ว่ายังอยู่ในประเด็นแห่งคดีนั่นเอง
พิพากษายืน

Share