คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1910/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อบริษัทจดทะเบียนแล้วถือว่าเป็น บุคคลมีสิทธิหน้าที่ต่างหากจาก ผู้ถือหุ้น กรรมการผู้ใดทำให้บริษัทเสียหายบริษัทย่อมเป็นผู้ฟ้องเรียกให้กรรมการผู้นั้นชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัทส่วนผู้ถือหุ้นจะฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1169ต้องเป็นการฟ้องแทนหรือฟ้องเพื่อประโยชน์ของบริษัทเฉพาะกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องและเป็นการฟ้องเรียกร้องเอาสินไหมทดแทนเท่านั้นโจทก์ซึ่งเป็นเพียง ผู้ถือหุ้นของบริษัทจึงมิได้อยู่ในฐานะ เจ้าหนี้ของจำเลยที่จะฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ จำเลย กับพวก ร่วม หุ้น ลงทุน ค้า ที่ดิน และได้ ตั้ง บริษัท เกษตรนิมิต จำกัด ขึ้น โดย จำเลย เป็น กรรมการ ผู้จัดการ ระหว่าง วันที่ 11 ถึง วันที่ 17 กรกฎาคม 2533 จำเลย ได้นำ ที่ดิน ของ บริษัท จำนวน 8 แปลง ไป จำนอง เป็น ประกัน เงินกู้ แก่ ธนาคารเป็น เงิน 1,430,000 บาท แล้ว นำ เงิน จำนวน ดังกล่าว ไป เป็น ประโยชน์ส่วนตัว และ วันที่ 25 กันยายน 2533 จำเลย ได้ ขาย ที่ดิน ของ บริษัททั้ง 8 แปลง ดังกล่าว เป็น เงิน 3,100,000 บาท แล้ว เอา เงิน ไป เป็นประโยชน์ ส่วนตัว จำเลย จะ ต้อง ใช้ หนี้ ให้ แก่ บริษัท เป็น เงิน 4,530,000บาท โจทก์ ทวงถาม ให้ จำเลย ใช้ เงิน คืน แก่ บริษัท แล้ว ไม่ น้อยกว่าสอง ครั้ง ซึ่ง มี ระยะเวลา ห่าง กัน ไม่ น้อยกว่า สามสิบ วัน แต่ จำเลยไม่สามารถ ชำระหนี้ ได้ เพราะ เป็น ผู้ มี หนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ พิพากษาให้ จำเลย เป็น บุคคล ล้มละลาย
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ไม่เคย เป็น หนี้ โจทก์ จำเลย มิได้ เป็นบุคคล ผู้ มี หนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา สืบพยานโจทก์ ไป บาง ปาก แล้ว มี คำสั่ง ให้งดสืบพยาน โจทก์ และ ให้ จำเลย นำพยาน เข้าสืบ จน เสร็จ แล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “มี ปัญหา วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ประการ แรกว่า โจทก์ มีอำนาจ ฟ้อง ขอให้ จำเลย เป็น บุคคล ล้มละลาย หรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้อง ว่า โจทก์ และ จำเลย กับพวก ร่วม ลงทุน ประกอบ กิจการ ค้า ที่ดินใน รูป บริษัท ชื่อ บริษัท เกษตรนิมิต จำกัด ก่อตั้ง ขึ้น เมื่อ วันที่ 28 เมษายน 2533 โดย มี จำเลย เป็น กรรมการ ผู้จัดการ ระหว่าง วันที่11 กรกฎาคม 2533 ถึง วันที่ 25 กันยายน 2533 จำเลย ใน ฐานะ กรรมการผู้แทน ของ บริษัท เกษตรนิมิต จำกัด ดำเนินการ โดยมิชอบ ยักยอก เงิน ของ บริษัท เกษตรนิมิต จำกัด ไป เป็น ประโยชน์ ส่วนตัว จำนวน 4,530,000 บาท เป็นเหตุ ให้ โจทก์ ซึ่ง เป็น ผู้ถือหุ้น ของ บริษัท เกษตรนิมิต จำกัด ได้รับ ความเสียหาย โจทก์ ได้ ทวงถาม ให้ จำเลย ชำระหนี้ จำนวน ดังกล่าว หลาย ครั้ง จำเลย ไม่ชำระ หนี้ จำเลย เป็นบุคคล ผู้ มี หนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ พิพากษา ให้ จำเลย เป็น บุคคล ล้มละลายเห็นว่า เมื่อ บริษัท จดทะเบียน แล้ว กฎหมาย ถือว่า บริษัท เป็น บุคคลต่างหาก จาก ผู้ถือหุ้น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72(4)เดิม , 1015 บริษัท จึง มีสิทธิ หน้าที่ ต่างหาก จาก ผู้ถือหุ้น ปกติเมื่อ กรรมการ ผู้ใด ทำให้ บริษัท เสียหาย บริษัท ย่อม เป็น ผู้ ฟ้อง เรียกให้ กรรมการ ผู้ นั้น ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ บริษัท ส่วน ผู้ถือหุ้น จะ เป็นผู้ ฟ้อง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคแรก นั้นต้อง เป็น การ ฟ้อง แทน หรือ ฟ้อง เพื่อ ประโยชน์ ของ บริษัท เฉพาะ กรณี ที่บริษัท ไม่ยอม ฟ้อง และ เป็น การ ฟ้อง เพื่อ เรียกร้อง เอา สินไหมทดแทนเท่านั้น แต่ การ ที่ โจทก์ นำ หนี้ ค่าสินไหมทดแทน ซึ่ง จำเลย ต้อง รับผิดต่อ บริษัท เกษตรนิมิต จำกัด มา ฟ้อง จำเลย ขอให้ ล้มละลาย เช่นนี้ หาใช่ เป็น กรณี การ ฟ้อง เพื่อ เรียกร้อง เอา สินไหมทดแทน จาก จำเลย แทนหรือ ฟ้อง เพื่อ ประโยชน์ ของ บริษัท เกษตรนิมิต จำกัด ไม่ โจทก์ ซึ่ง เป็น เพียง ผู้ถือหุ้น ของ บริษัท เกษตรนิมิต จำกัด จึง มิได้ อยู่ ใน ฐานะ เจ้าหนี้ ของ จำเลย ที่ จะ ฟ้อง จำเลย ให้ ล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9 ได้ คดี ไม่จำต้อง วินิจฉัยปัญหา อื่น อีก ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ให้ยก ฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้อง ด้วย ใน ผล ฎีกา ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share