คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ตายเข้าไปลักแตงโมในไร่ของจำเลยเป็นการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายต่อทรัพย์ของจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิที่จะป้องกันทรัพย์สินของตนได้ แต่การที่จำเลยต่อและปล่อยกระแสไฟฟ้าซึ่งมีแรงเคลื่อนสูงถึง 220 โวลท์ ที่สามารถดูดคนให้ถึงแก่ความตายได้ ทั้งที่ทรัพย์ที่จำเลยมีสิทธิกระทำป้องกันคือแตงโมมีราคาไม่สูงมากนัก ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำตาม ป.อ. มาตรา 69

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2545 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2545 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยโดยมิได้มีเจตนาฆ่าได้ทำร้ายเด็กชายคณิตหรือบอม เพิ่มขึ้น ซึ่งเข้าไปลักแตงโมในไร่แตงโมของจำเลย โดยจำเลยได้ต่อและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านพักของจำเลยตรงผ่านรั้วลวดหนาม ซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้าล้อมรอบไร่แตงโมของจำเลยให้เด็กชายคณิตหรือบอมไปสัมผัสรั้วลวดหนามและถูกกระแสไฟฟ้าที่จำเลยปล่อยผ่านลวดหนามดังกล่าว และเนื่องจากกระแสไฟฟ้าดังกล่าวมีแรงเคลื่อนสูง 220 โวลท์ จึงเป็นเหตุให้เด็กชายคณิตหรือบอมถึงแก่ความตายเนื่องจากกระแสไฟฟ้าดังกล่าวทันที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี โดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลย ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติมีกำหนด 12 ครั้ง ในระยะเวลา 2 ปี ให้จำเลยกระทำกิจกรรมเพื่อบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ตามที่พงักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา 42 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกมีกำหนด 1 ปี 6 เดือน ไม่รอการลงโทษให้จำเลยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในเบื้องต้นเห็นว่า เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้โดยชัดแจ้งว่าเด็กชายคณิตหรือบอม เพิ่มขึ้น เข้าไปลักแตงโมในไร่ของจำเลย และจำเลยได้ต่อและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านพักผ่านรั้วลวดหนาม เป็นเหตุให้เด็กชายคณิตซึ่งสัมผัสรั้วลวดหนามถูกกระแสไไฟ้าดูดจนถึงแก่ความตายและจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังเป็นยุติได้ตามคำฟ้องของโจทก์ ดังนี้ การที่ผู้ตายกระทำการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายต่อทรัพย์ของจำเลยจำเลยจึงมีสิทธิที่จะป้องกันทรัพย์สินของตนได้ แต่การที่จำเลยต่อและปล่อยกระแสไฟฟ้าซึ่งมีแรงเคลื่อนสูงถึง 220 โวลท์ ที่สามารทำให้ดูดคนให้ถึงแก่ความตายได้ ทั้งที่ทรัพย์ที่จำเลยมีสิทธิกระทำการป้องกันคือแตงโมมีราคาไม่สูงมาก ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ และมิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์ฎีกา แต่ศาลฎีกายกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยเองได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ร้ายแรงทั้งที่จำเลยสามารถใช้วิธีการอื่นในการปกป้องพืชผลของตนได้โดยไม่จำต้องใช้วิธีรุนแรงเช่นนั้น แม้จำเลยจะได้พยายามเยียวยาความเสียหายให้แก่บิดาของผู้ตายโดยชดใช้เงินบางส่วนก็ตาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบมาตรา 69 ส่วนโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share