คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้เอาน้ำเจือปนสุราแล้วนำออกวางขายในร้านโดยรู้ว่าต้องปิดแสตมป์สุราแต่ไม่ได้ปิด ดังนี้แม้จำเลยจะไม่ใช่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ทำสุราก็ตาม จำเลยก็ไม่พ้นความผิดตามความในมาตรา 33 แห่ง พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ก. จำเลยทั้งสองสมคบกันทำการเปลี่ยนแปลงสุรารัฐบาล 30 ดีกรีโดยเอาน้ำเจือปนลงในสุรา ข. จำเลยสมคบกันนำเอาสุราที่จำเลยทำการเปลี่ยนแปลงออกแสดงเพื่อขายโดยมิได้ปิดแสตมป์สุราและมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยจำเลยทั้ง 2 รู้อยู่ว่าสุราที่นำออกแสดงเพื่อขายนั้นต้องปิดแสตมป์สุรา ขอให้ลงโทษ

จำเลยทั้ง 2 ปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ 2 เท่านั้นรู้อยู่ว่าสุราเหล่านั้นต้องปิดแสตมป์ และจำเลยที่ 2 เท่านั้นเป็นผู้ได้นำสุราเหล่านั้นออกแสดงเพื่อขาย พิพากษาปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 1,000 บาทตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 33 ฯลฯ

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยที่ 2 ที่ว่าจำเลยไม่ควรผิดตามมาตรา 33 แห่ง พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 เพราะไม่มีหน้าที่ต้องปิดแสตมป์สุราตามมาตรา 7 ผู้ได้รับอนุญาตให้ทำสุราเท่านั้นมีหน้าที่ต้องปิด ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยที่ 2 ได้เอาน้ำเจือปนสุรา แล้วนำออกวางขายไว้ในร้านโดยรู้ว่าต้องปิดแสตมป์สุราแต่ไม่ได้ปิดแสตมป์สุราจำเลยที่ 2 ต้องมีความผิดตาม มาตรา 33 แห่ง พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ใช่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ทำสุราก็หาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดไม่

พิพากษายืน

Share